จากที่เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ได้เกิดกระแสชัดเจนว่า พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หรือ บิ๊กน้อย จะเข้ามารับตำแหน่ง หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย โดยมีการโพสต์เฟซบุ๊คถึงการลาออกจากประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐนั้น
ทั้งนี้โดยพล.อ.วิชญ์ ได้โพสต์ข้อความที่มีเนื้อหาระบุว่า “ช่วยกันพัฒนาฟื้นฟูประเทศไทย ในวันนี้ผมกราบขออนุญาต ท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และพี่น้องประชาชน ทำการลาออกจากตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ เพื่อรับหน้าที่หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย สานต่อนโยบายของ พี่ป้อมผู้ซึ่งผมรักเคารพตลอดมาและตลอดไป…”
ต่อมาในวันเดียวกันทางด้านของ พ.ต.ท.ปฐม นาคะเสงี่ยม นายทะเบียนสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทย ได้ออกมาเคลื่อนไหวในทันทีถึงกระแสข่าวดังกล่าว ว่า เรื่องนี้ยังไม่มีข้อเท็จจริง และยังไม่มีข้อสรุปใดๆทั้งสิ้น ทุกอย่างต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและพรปพรรคการเมือง
“ผมไม่รู้กระแสข่าวนี้ มีที่มาอย่างไร เพราะพรรคเศรษฐกิจไทยเพิ่งมีการประชุมใหญ่ไป อีกทั้งท่าน พล.อ.วิชญ์ ก็ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทย อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด จนทำให้สื่อไปนำเสนอคลาดเคลื่อนหรือไม่” พ.ต.ท.ปฐม กล่าว
จากนั้นก็ปรากฏว่า พล.อ.วิชญ์ ได้ลบข้อความที่ได้โพสต์ไว้เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ว่าจะมาเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ออกจากเฟซบุ๊ก พร้อมทั้งยังโพสต์ใหม่ซึ่งเป็นข้อความคนละขั้ว ว่าขณะนี้ยังไม่มีสังกัดพรรคใด โดยมีเนื้อหาบางส่วนว่า
“ไม่ว่าผมจะยืนอยู่ตรงจุดไหน ผมยังคงเจตนารมณ์เดิม คือทำงานของผมไปให้ดีที่สุด การปิดทองหลังพระนั้นผมก็ขอกระทำอยู่ ส่วนงานเบื้องหน้านั้นผมขอเน้นความปรองดอง ประสานงาน ทำงานร่วมกันกับทุกฝ่าย ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นไหน ใหม่ กลาง เก่า ทุกท่าน ผมยินดีรับฟังปัญหาของพวกท่านและร่วมมือกันแก้ไข ให้ประเทศชาติบ้านเมือง สงบร่มเย็น ดำเนินไปได้ให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป
ขอความกรุณาพี่น้องประชาชน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ผู้บริหารประเทศในทุกระดับ โปรดละวางโมหะ โทสะ การแบ่งแยก ความขัดแย้ง ลงไป เนื่องจากมีผู้สอบถามกันเข้ามา จึงขออนุญาตตอบตรงนี้นะครับ อาจมีการเข้าใจคลาดเคลื่อน ผมยังไม่ได้ย้ายไปสังกัดพรรคใดนะครับ ขอบพระคุณครับ”
ล่าสุดนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกมาเปิดเผยว่า ตามที่เฟซบุ๊ก ชื่อ อาน้อย วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ได้โพสต์ข้อความเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2565ว่า
“ขอลาออกจากตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ เพื่อรับหน้าที่หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย สานต่อนโยบายของพี่ป้อม” นั้น การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดตาม ม.29 ของ พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 เพราะบุคคลดังกล่าวยังไม่ปรากฎว่าได้เป็นสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทยแล้ว แต่กลับกระทำการในลักษณะชี้นำ หรือครอบงำพรรคเศรษฐกิจไทย แม้ต่อมาแอดมินจะออกมาแก้ข่าวว่า อาน้อยมิได้รู้เห็นด้วยก็ตาม แต่เชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการตีปลาหน้าไซ ที่สำคัญความผิดได้สำเร็จไปแล้ว
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความไปร้องเรียนต่อ กกต. เพื่อดำเนินการไต่สวน สอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไปในวันจันทร์ที่ 7 ก.พ.65 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการฯ อาคาร B
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา เปิดเผยว่า นายแสวงบุญมี รักษาการเลขาธิการ กกต.ทำหนังสือถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งในหนังสือระบุว่า ได้ตรวจสอบการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง จากระบบข้อมูลพรรคการเมืองของ กกต.พบว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัครเป็นสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทยจำนวน 18 คน เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2565
ขณะที่มีรายงานว่า ที่ทำการพรรคแห่งใหม่ จะใช้อาคารยูทาวเวอร์ ที่อยู่ติดกับถนนศรีนครินทร์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาปรับปรุง และทำความสะอาด คาดว่าในสัปดาห์หน้า สมาชิกจะย้ายที่ทำการมายังแห่งใหม่ ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางมาดูสถานที่แล้ว ก่อนจะมีการแถลงข่าวทิศทางการทำงานทางการเมืองของพรรคเศรษฐกิจไทย