กรรมไล่ล่า??กูรูศ.มะกันลากไส้ไบเดน ไร้ฝีมือแก้ปัญหาทำเมกาสาหัส เดินหน้าสู่สงครามกลางเมือง

1464

ผู้บริหารเฮดฟันด์ชื่อดังผู้ก่อตั้งกองทุนใหญ่ของสหรัฐอดรนทนไม่ไหว ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาด้านการเงินการคลังของสหรัฐอเมริกามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกล่าวว่าสหรัฐฯ อยู่บน ‘เส้นทางมุ่งสู่สงครามกลางเมือง’ อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง สาเหตุจากการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่ซ้ำเติมปัญหาเดิมๆที่ไม่แก้ไข แล้วเพิ่มปัญหาใหม่ท่ามกลางแรงกดดันของการระบาดไวรัสโควิดหลายระลอก นอกจากนี้หนี้สาธารณะสหรัฐฯวันนี้ก็พุ่งแตะระดับ 30 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์แล้ว

 

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 ก.พ.2565สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เรย์ ดาลิโอ (Ray Dalio) ผู้ก่อตั้งกองทุนป้องกันความเสี่ยงหรือที่เราเรียกกันว่า กองทุนเฮดฟันด์ฯที่ใหญ่ที่สุดในโลก บริจวอเตอร์ แอสโซซิเอทส์( Bridgewater Associates) เตือนว่าสหรัฐฯ อยู่บน ” เส้นทางยากลำบากที่จะนำไปสู่ ​​” รูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ” ของสงครามกลางเมือง

เงื่อนไขทางการเงินในปัจจุบันและความแตกต่างที่ไม่สามารถประนีประนอมได้ในการจัดสรรผลประโยชน์ในโครงสร้างสังคม เศรษฐกิจ ตลอดจนค่านิยมที่ขัดแย้งกันเองในหมู่ประชาชนนั้น สอดคล้องกับส่วนผสมที่นำไปสู่ความขัดแย้งในการตีความทางกฎหมายและคดีความต่างๆจะตามมา

ดาลิโอ เขียนบรรยายบน LinkedInว่า “ปัจจุบันนี้ คนอเมริกันไม่อาจรู้ว่าอะไรเป็นความจริงอะไรเท็จ  เนื่องจากการบิดเบือนในสื่อและการโฆษณาชวนเชื่อเพิ่มขึ้นเมื่อผู้คนมีการแบ่งขั้วความคิด ระเบิดอารมณ์ และมีแรงจูงใจทางการเมืองมากขึ้น ” 

เขาชี้ไปที่ปัจจัยหลายประการที่นำเขามาสู่สถานการณ์เช่นนี้ รวมถึงปัญหาการบริหารด้านการเงินการคลัง ของรัฐบาลภายใต้การนำของปธน.โจ ไบเดน ไม่ได้แก้ไขปัญหาที่สหรัฐมีการขาดดุลจำนวนมาก การเก็บเงินภาษีสูง อัตราเงินเฟ้อพุ่ง และความไม่เท่าเทียมกันของความมั่งคั่งที่ทำให้เกิดการแบ่งขั้วทางการเมือง มีทั้งปัญหาเก่าหมักหมม และปัญหาใหม่ซ้ำเติม

“เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นพร้อมๆกับมหาอำนาจต่างประเทศที่กำลังแข็งแกร่งพอ ที่จะท้าทายอำนาจชั้นนำของสหรัฐ  และนานาชาติทั่วโลกต่างกำลังเผชิญกับสงครามกลางเมืองภายในประเทศอย่างไม่หยุดนิ่งในหลายๆแห่ง มันจึงเป็นช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงเป็นพิเศษ ฉันเชื่อว่าสหรัฐก็เลี่ยงไม่พ้นเช่นกัน ” ดาลิโอเน้นย้ำว่า “ คำถามที่ใหญ่ที่สุดคือระบบจะปรับเปลี่ยนได้มากแค่ไหนก่อนที่มันจะพังครืน”

เขาตั้งข้อสังเกตว่าอำนาจทางการเมืองที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกันกำลังต่อสู้เพื่อเอาชนะในทุกวิถีทาง  ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะประนีประนอม ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดต่อระบอบประชาธิปไตยคือการตัดสินใจที่กระจัดกระจาย และเป็นปฏิปักษ์กันจนไร้ผลและไม่เป็นระเบียบ ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ดีและการปฏิวัติในที่สุด”

มาพิจารณาดูสถานะการเงินการคลังของสหรัฐเวลานี้ยิ่งตอกย้ำการวิเคราห์ของดาลิโออย่างชัดเจน

ตัวเลขหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ พุ่งสูงถึง 30 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และเป็นระดับที่สูงกว่าจีดีพีประเทศถึงกว่า 130 เท่า ทำให้สหรัฐฯ อยู่ในระดับต้นๆของรายชื่อประเทศที่มีภาระหนี้สินหนักที่สุดแล้ว ตามรายงานของกระทรวงการคลัง

หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตลอดช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา แต่มีการเพิ่มขึ้นอย่างหนักเพราะมาตรการรับมือการระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัส ทำให้สหรัฐต้องพิมพ์เงินเพิ่มและอัดฉีดเงินจำนวนมหาศาลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ

ข้อมูลจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ชี้ว่า หนี้สาธารณะของประเทศเมื่อสิ้นปี ค.ศ. 2019 หรือก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 อยู่ที่ราว 22.7 ล้านล้านดอลลาร์ ก่อนจะปรับขึ้นมาเป็น 27.7 ล้านล้านดอลลาร์ในปีต่อมา และเพิ่มเป็น 30 ล้านล้านดอลลาร์เช่นในปัจจุบัน

กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า หนี้สาธารณะจำนวน 7.7 ล้านล้านดอลลาร์นั้นเป็นส่วนที่ถือครองโดยรัฐบาลต่างชาติ แต่ไม่มีประเทศใดที่ถือครองมากกว่า 5% ของจำนวนรวมหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ โดยข้อมูล ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายนของปีที่แล้วชี้ว่า รัฐบาลญี่ปุ่น คือเจ้าหนี้ต่างชาติรายใหญ่ที่สุดด้วยตัวเลข 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ ตามมาด้วยจีนและสหราชอาณาจักรที่ถือครองตราสารหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นมูลค่า 1.1 ล้านล้านดอลลาร์และ 622,000 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ

ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากธนาคารโลกในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า อัตราหนี้สาธารณะต่อจีดีพีของสหรัฐฯ นั้นอยู่ที่ 133% ซึ่งสูงเป็นอันดับที่ 12 เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ และอยู่ในอันดับที่ 4 เมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วที่เป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) โดยประเทศที่มีอัตราส่วนดังกล่าวสูงที่สุดคือ ญี่ปุ่น ที่ 257%