“บิ๊กตู่” ยื่นมือช่วยชาบูดัง! เจ้าของร้านสาวขอบคุณนายกฯไม่ทิ้ง เผยหนี้ท่วม-สามีป่วย ลูกยังเล็ก
จากกรณีที่เจ้าของร้านโกดังชาบู ไดโพสต์ข้อความประกาศปิดร้าน ยกเลิกกิจการ สู้ไม่ไหว ไปต่อไม่ได้แล้วจริง ๆ ไม่มีทุน ไม่มีเงินจะไปต่อแล้ว มีแต่หนี้กับค่าใช้จ่าย แฟนก็ป่วยซึ่มเศร้า ตัวเราไม่ไหวแล้วทั้งร่างกายและจิตใจ ใครสนใจเช่าพื้นที่ร้าน หรือเซ้งร้านติดต่อแก้วได้
ทั้งนี้ เจ้าของร้านยังได้ไลฟ์สดระบายความในใจทั้งน้ำตาว่า วันนี้คงต้องจบลงจริง ๆ แล้ว ไปต่อไม่ไหวแล้ว ทำเต็มที่แล้ว จนวินาทีสุดท้ายแล้ว แม้แต่จะลงของขายยังไม่มีปัญญา คงต้องปล่อย ใครสนใจเช่าพื้นที่ เซ้งร้าน ติดต่อได้ เงินที่ได้จากค่าเช่า ค่าเซ้ง จะนำไปเคลียร์หนี้สิน หากพอนำไปตั้งร้านเล็ก ๆ ได้ ก็น่าจะเป็นแบบนั้น ตอนนี้แม่ค้าสุดแล้วจริง ๆ ต้องขอบคุณลูกค้า ลูกเพจทุกท่านที่ให้กำลังใจ แม่ค้าพยายามแล้ว สู้แล้วแต่ไม่ไหวจริง ๆ ที่เป็นแบบนี้ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว แม่ค้าทำเต็มที่แล้ว จะเอายังไงต่อจากนี้ก็ไม่รู้เลย
ขณะที่หน้าเพจของโกดังชาบูระบุรายละเอียดว่า นอกจากจะเปิดให้เซ้งร้านแล้ว ตอนนี้ยังรับทำข้าวกล่องสำหรับแจกชุมชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมมีทีมงานไปแจกของให้ อีกทั้งยังมีน้ำจิ้มสุกี้และน้ำจิ้มซีฟู้ดจำหน่าย ผู้สนใจสามารถติดต่อได้ทางหน้าเพจ หรือช้อปปี้ หรือโทร 06-5919-0xxx (แก้ว)
ล่าสุดวันนี้ (3 กุมภาพันธ์ 2565) นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวง พม. ได้ลงพื้นที่ช่วยแก้ปัญหาครอบครัวให้ นางสาวมธุรา อดเหนียว (แก้ว) อายุ 31 ปี เจ้าของร้านโกดังชาบู ที่ย่านตลาดพลู เขตธนบุรี กทม. แล้ว หลังเจ้าตัวออกมาไลฟ์สดปิดกิจการที่เปิดมานานกว่า 4 ปี ทั้งน้ำตา โดยระบุพยายามทำทุกทางเพื่อให้ร้านไปต่อได้ เนื่องจากได้รับผลกระอย่างต่อเนื่องจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้มีหนี้สินจำนวนมาก อีกทั้งต้องดูแลสามีที่มีอาการป่วยเป็นซึมเศร้า ลูกเล็กวัยเรียน 2 คนและคนงานอีก 7 คน
นายจุติ กล่าวว่า วันนี้ตนเดินทางมาที่ร้านโกดังชาบู เพราะเห็นข่าวจากสื่อออนไลน์ โดยทราบว่าปัญหาลักษณะนี้มีมากมายทั่วประเทศ แต่ปัญหาทุกอย่างมีทางออกทางแก้เสมอ มันไม่ง่ายแต่ชีวิตต้องสู้ ซึ่งตนเห็นความเป็นนักสู้ของน้องแก้วและสามีที่มีภาระหนัก
วันนี้ตนมาในฐานะตัวแทนรัฐบาล เพื่อมาช่วยเหลือประชาชน ขณะนี้รัฐบาลมีโครงการประนอมหนี้ โดยให้ธนาคารของรัฐและเอกชน เข้ามาช่วยแก้ปัญหา ทั้งนี้รัฐบาลอยากให้ทุกท่านรู้ว่า ท่านไม่ได้อยู่คนเดียว เราไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และพร้อมให้โอกาสคนที่ทำงานโดยสุจริต เมื่อเศรษฐกิจฟื้นจากสถานการณ์โควิด-19 ก็จะทำให้ชีวิตเดินต่อไปได้
นายจุติ กล่าวว่า พม. มีความเป็นห่วงในเรื่องครอบครัวของน้องแก้ว เพราะลูกทั้ง 2 คนที่ไม่อยากไปโรงเรียนเพราะเห็นคุณพ่อคุณแม่เครียดจากปัญหาที่เกิดขึ้น ด้านคุณพ่อเครียดจากภาระหนี้สิน แต่มีคุณแม่ที่สู้ต่อและบอกให้โลกรู้ว่าจะสู้ต่อไป ดังนั้น กระทรวง พม. ได้เข้ามาช่วยเหลือครอบครัวนี้เท่ากับเราได้ช่วยอีก 11 ชีวิต รวมไปถึงลูกจ้างที่ไม่มีที่อยู่ ไม่มีงานทำ โดยเฉพาะช่วยให้เด็กๆ สามารถไปโรงเรียนได้ รวมไปถึงสามีให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสม นับว่าเป็นการสร้างครอบครัวให้เข้มแข็ง ไม่ให้ครอบครัวเปราะบาง
ทั้งนี้ กระทรวง พม. ได้ให้ความสำคัญตามนโยบายรัฐบาลว่า เราจะดูแลทุกครอบครัวให้เข้มแข็ง ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นนี้เหมือนกับปัญหาทุกครอบครัวที่มี มันไม่ง่ายที่จะแก้ปัญหา ถ้าหากเจ้าตัวไม่สู้ ทุกคนพร้อมที่จะช่วยเหลือ เมื่อสู้แล้ว ต้องมีสติ ทักษะ และด้วยสองมือที่ไม่ย่อท้อ แล้วทุกอย่างก็จะผ่านไปได้
ด้าน นางสาวมธุรา ได้กล่าวขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่มอบหมายให้กระทรวง พม. เข้ามาช่วยเหลือครอบครัว และน้องๆ ทีมงาน และขอขอบคุณที่คนไทยไม่ทิ้งกัน และเข้ามาช่วยเหลือแก้ไขปัญหา ในวันนี้ ตนมีกำลังใจเพิ่มขึ้นมาก และรู้ว่าทุกท่านเป็นห่วงและมาช่วยดูแลเรา หลังจากนี้ ตนจะได้นำคำแนะนำจากท่านรัฐมนตรีฯ มาจัดการปัญหาของครอบครัวต่อไป