จากที่วันนี้ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ออกมาปฏิเสธอีกครั้ง เมื่อมีกระแสข่าวถึงการนำกลุ่มส.ส.ออกจากพลังประชารัฐว่าเป็นการต่อรองเก้ารัฐมนตรีหรือไม่นั้น
ทั้งนี้ร.อ.ธรรมนัส ได้ออกยืนยันระหว่างการกักตัวตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ที่ภูเก็ต ภายหลังเดินทางกลับจากประเทศในกลุ่มยุโรป เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า ถึงกรณีมีสื่อบางสำนักนำเสนอบทวิเคราะห์ทำนองว่า เบื้องหลังที่ตนเองและกลุ่มพี่น้อง ส.ส.แยกตัวออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ เพื่อไปสังกัดพรรคใหม่นั้น เป็นการต่อรองเพื่อต้องการตำแหน่งเก้าอี้ในรัฐบาล ตนขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
โดยร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า กรณีที่มีการพาดพิงว่า ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งผม และอาจารย์แหม่ม (นาวนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ) รวมถึงพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หารือกันและคาดว่าทุกอย่างลงตัวไม่มีปัญหา ผมจึงขอลาไปพักผ่อนที่ยุโรป นั้นถือเป็นการคาดเดาที่ไม่มีมูลความจริง เพราะไม่เคยมีการพูดคุยแบบนั้น และก็ไม่เคยมีแนวคิดเรื่องการต่อรองเก้าอี้ใด ๆ ทั้งสิ้น
“ส่วนถ้ามีบางคนฉวยโอกาสนำกรณีที่ผมและกลุ่มพี่น้อง ส.ส. ออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ แล้วไปต่อรองเก้าอี้ในรัฐบาลหรือไม่นั้น นับว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และอยากจะถามว่ามีสิทธิอะไร หรือใครมอบอำนาจให้ไปต่อรองในเรื่องที่ไม่ถูกต้องเช่นนั้น เพราะผมเคยพูดไปชัดเจนแล้วว่า ผมและกลุ่มพี่น้องออกมาแล้วมีความตั้งใจจะมาทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ มีอุดมการณ์ที่จะพัฒนาประเทศชาติให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีแบบยั่งยืนและยึดมั่นในสถานบันหลักของบ้านเมืองนั่นคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
นอกจากนี้ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวอีกว่า ในปัจจุบันประชาชนหลายพื้นที่ทั่วประเทศใช้ชีวิตอย่างลำบากจากสถานการณ์โควิด จึงต้องการเดินหน้าแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างจริงจัง ไม่มีเวลามาเล่นเกมการเมืองหรือต่อรองอำนาจใดๆแบบไร้สาระ ตราบใดที่มีปัญหาอีกมากมายที่ประชาชนคนไทยยังเฝ้ารอความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนในขณะนี้
ก่อนหน้านี้ทีมข่าวเดอะทรูธ พบว่า เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2565 ร.อ.ธรรมนัส ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก “ธรรมนัส พรหมเผ่า” ระบุถึงการแยกตัวออกจากพรรคพลังประชารัฐว่า
“ผมและกลุ่มพี่น้อง ส.ส.แยกตัวออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ เพื่อจะมาทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ มีอุดมการณ์ที่จะพัฒนาประเทศชาติให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีแบบยั่งยืนและยึดมั่นในสถานบันหลักของบ้านเมืองนั่นคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
จากการที่ผมไปเยี่ยมเยือนพี่น้องประชาชนตามพื้นที่ต่างๆทั้ง 77 จังหวัด ผมเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในหลาย ๆ เรื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องปากท้องและคุณภาพชีวิตการของพี่น้อง หลายครอบครัวที่ลำบากมาก อดมื้อกินมื้อ มองไม่เห็นอนาคตของลูกหลานเลย ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมมีความจำเป็นต้องแก้ไขจากภาครัฐอย่างเอาจริงเอาจังและยังมีปัญหาอีกมากมายที่พี่น้องประชาชนคนไทยยังเฝ้ารอความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนครับ
ดังนั้น การแยกตัวของผมและกลุ่มพี่น้อง ส.ส.มาอยู่พรรคใหม่นั้นไม่ใช่เป็นการต่อรองเพื่อต้องการตำแหน่งเก้าอี้ทางการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น แต่พวกเราต้องการทำงานเพื่อพัฒนาประเทศชาติ บ้านเมืองและแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยอย่างเอาจริงเอาจังครับ”
กระนั้นทีมข่าวเดอะทรูธ ยังตรวจสอบไปเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2565 ก็พบว่าเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจได้เผยแพร่เนื้อหาข่าว โดยระบุถึงรายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ แจ้งว่า ภายหลังที่พรรคพปชร.มีมติขับ ร.อ.ธรรมนัส พร้อม 20 ส.ส. พ้นพรรค ทำให้ทั้งหมดต้องหาพรรคใหม่สังกัดภายใน 30 วัน โดยมีความเป็นไปได้สูงที่จะเข้าสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย ที่มีพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นหัวหน้าพรรค นายอภิชัย เตชะอุบล เป็นเลขาธิการพรรค และจะให้ร.อ.ธรรมนัส เป็นรองหัวหน้าพรรค
“ขณะนี้มีการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี เพื่อให้ ร.อ.ธรรมนัส และ 20 ส.ส. เข้าร่วมรัฐบาลอีกครั้ง โดยต้องการเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่มีนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ดำรงตำแหน่งอยู่ และเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่มีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอี ดำรงตำแหน่งอยู่” กรุงเทพธุรกิจ ระบุจากรายงานข่าว