จากที่ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขาย หรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้น
โดยมีนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พร้อมด้วยคณะกรรมการฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
“การประชุมครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากกรณีที่กลุ่มมวลชนเสนอข้อเรียกร้องต่อ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเกี่ยวกับสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าว เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2565 โดยให้ นายอนุชา เป็นประธานกรรมการ ทำหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาที่กำหนด รวมทั้งเสนอแนะแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น”
ทั้งนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบแต่งตั้ง นายเสกสกล เป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจในการตรวจสอบและติดตามผู้ค้าสลากเกินราคา พร้อมแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 3 คณะ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานเชิงรุก ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเสนอขายหรือขายสลากเกินราคา คณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางและมาตรการทางกฎหมายในการแก้ไขปัญหา และคณะอนุกรรมการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์
นอกจากนี้ นายอนุชา กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ เคยแก้ปัญหาผู้มีอิทธิพลมาแล้วในระดับหนึ่ง มาในปัจจุบันเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นอีก นายกฯ จึงเป็นห่วงกังวลเลยตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาศึกษาหาแนวทางแก้ปัญหาในระยะยาวเพื่อไม่ให้ปัญหาเกิดซ้ำอีก เมื่อถามว่าปัจจัยหลักของปัญหาสลากราคาแพงเป็นเพราะผู้มีอิทธิพลใช่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้มีอิทธิพล แต่ผู้มีอิทธิพลก็มีส่วนเกี่ยวข้องในการรวบรวมสลากกินแบ่งที่อยู่กับผู้ค้ารายย่อยๆ หรือโควตาจากส่วนไหนส่วนหนึ่งแล้วนำมาหาผลประโยชน์ ซึ่งเป็นเรื่องหนึ่งที่เราต้องบริหารจัดการ
“สำนักงานสลากฯ มีการดำเนินการหลายมาตรการอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2558 เพิ่มความเข้มข้นในการสนธิกำลังทหารและตำรวจ ในการกวดขัน ควบคุม ตรวจสอบและจับกุมผู้จำหน่ายสลากเกินราคา และการเปิดให้ลงทะเบียนเป็นผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าฯ ที่ทำการซื้อสลากผ่านระบบของธนาคารกรุงไทย ซึ่งมาตรการเหล่านี้ยังคงดำเนินการต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน” นายอนุชา กล่าว
ด้านนายเสกสกล กล่าวว่า ต้องเชิญผู้ที่ยื่นคำร้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม และที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบในการจัดตั้งทีมเฉพาะกิจในการลงพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อตรวจสอบการจำหน่ายสลาก รวมถึงผู้ที่มีพฤติกรรมเป็นนายทุนนำสลากไปรวมชุด เพื่อให้มาตรการมีความครอบคลุม รอบคอบและคำนึงถึงประโยชน์ของทุกฝ่ายก่อนเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 มีการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ซึ่งนายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังปวงชนไทย ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ บางช่วง ที่แต่งตั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ เป็นรมช.เกษตรและสหกรณ์ ทั้งที่มีคุณสมบัติไม่เหมาะสม
“ร.อ.ธรรมนัส แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช.ว่า มีรายได้จากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล เดือนละ 3 ล้านบาท แต่ตนมีข้อเท็จจริงว่า ร.อ.ธรรมนัส ไม่มีโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้ว หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่งเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการกองสลาก ปี 2558 เพื่อแก้ปัญหาขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา ทำให้บริษัทที่มี ร.อ.ธรรมนัสเป็นหุ้นส่วนได้รับโควตาสลาก ถูกริบโควตา ดังนั้น ร.อ.ธรรมนัสไม่ควรมีรายได้จากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล เชื่อว่า ร.อ.ธรรมนัส แจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จ
ราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลแพง ราคาต้นทุนอยู่ที่ใบละ 70.40 บาท แต่พ่อค้าแม่ค้าเอามาขายใบละ 100 บาท แต่ได้กำไรแค่ใบละ 5 บาท แสดงว่า นายทุนใหญ่จะได้กำไรตกใบละ 25บาท ตนจึงถามว่า พ่อค้าแม่ค้าว่า หากอยากได้โควตาสลาก ต้องทำอย่างไร เขาตอบว่าให้ไปถามบิ๊กป้อม ทุกวันนี้พิมพ์สลากต่องวดละ 100 ล้านฉบับ จากเดิมพิมพ์ 60-70 ล้านฉบับ เขาเล่ากันว่า จัดสรรให้ร.อ.ธรรมนัส ดูแล 80 ล้านฉบับ นำขายจะทำให้กำไรกว่า 300 ล้านบาทต่องวด แต่ตนไม่เชื่อจึงอยากให้ช่วยชี้แจง” นายนิคม กล่าว
ขณะที่ร.อ.ธรรมนัส ได้ลุกขึ้นชี้แจงบางช่วงเช่นกันว่า การค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล ตนไม่ปฏิเสธว่าก่อนที่จะเข้าสู่การดำรงตำแหน่งทางการเมืองในฐานะส.ส ตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. 2562 ตนมีอาชีพเป็น 1 ใน 5 เสือกองสลากกินแบ่งรัฐบาล มันผิดหรือที่ตนจะมีอาชีพเป็นผู้ค้าสลากรายใหญ่
“ขออย่ามองเห็นผู้ค้าสลากรายใหญ่เป็นโจร หรือ เป็นผู้เอารัดเอาเปรียบทางสังคม 5 เสือกองสลากเขาก็มีคุณธรรมไม่ใช่จะเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค แต่เมื่อนโยบายรัฐบาลชุดที่แล้วไม่ให้มี 5 เสือหรือผู้จำหน่ายฉลากรายใหญ่ ตนได้รับสัมปทานในฐานะเป็นคู่สัญญากับกองสลากครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2558 ประธานบอร์ดมีนโยบายว่าสลากการกุศลหรือสลากกินแบ่งรัฐบาลจะต้องถูกจำหน่ายโดยผ่านธนาคารกรุงไทย หรือผ่านองค์กรกุศลในจำนวนที่เป็นไปตามข้อบังคับ หรือระเบียบของสำนักงานสลากฯ วันที่ 4 ส.ค. 2558 คือครั้งสุดท้ายที่ตนอยู่ในฐานะที่เป็นคู่สัญญากับกองสลากฯ”
ร.อ.ธรรมนัส ยังกล่าวอีกว่า จนถึงทุกวันนี้ตนไม่มีสัมปทานหรือมีคู่สัญญากับสำนักงานสลากฯแม้แต่เล่มเดียว แต่ที่ได้สำแดงทรัพย์สิน รายได้ว่ามาจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเดือนละ 3 ล้านบาท คงเข้าใจผิดว่าตนยังเป็นคู่สัญญากับสำนักงานสลาก ขอเรียนว่ารายได้จากการทำธุรกิจในส่วนของสลากกินแบ่งเดือนละ 3 ล้าน คือที่ตนเช่าแผงค้าสลากที่ข้างสำนักงานสลากฯ ซึ่งเป็นการเช่าช่วงจากเจ้าของตลาด ตนมีแผงค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลเกือบ 10 แผง เพราะจำเป็นต้องหล่อเลี้ยงลูกค้าของตนที่ทำธุรกิจเรื่องสลากกันมาเกือบ 10 ปี
“เพราะสมัยที่ตนเป็นเจ้าของสัมปทาน ลูกค้าเหล่านั้นมารับสลากจากตนไปขายในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ ตนจึงจำเป็นต้องประคองชีวิตของพ่อค้าผู้มีอาชีพเหล่านั้นให้มีอาชีพต่อไป ถึงแม้ว่ารายที่เคยได้รับจะลดน้อยลง แต่เขาก็สามารถที่จะทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวให้อยู่รอด ดังนั้นตนเปิดแผงค้าเกือบประมาณ 10 แผงเพื่อไว้รับซื้อ และจำหน่ายสลากเหมือนเดิม” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว