รัสเซียฟาดสหรัฐ!!กลางประชุมUN เมกายั่วยุจุดชนวนสงคราม ยูเครนโวยต.ต.เลิกปั่นข่าวสู้รบทำปท.เจ๊งยับ

1130

สถานการณ์วิกฤตยูเครนยังคงคลี่คลายไม่ง่ายเพราะมหาอำนาจสหรัฐยังเร่งโหมไฟสงครามไม่หยุด ล่าสุดสหรัฐและอังกฤษชูมาตรการแซงก์ชันขู่ขวัญรัสเซีย และผลักดันคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาตินัดหารือวิกฤตยูเครน  ในการประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสให้ทูตของรัสเซียเปิดโปงสหรัฐและตะวันตกว่า ต้องการทำสงครามในยูเครนเอง เป็นฝ่ายโฆษณายั่วยุให้เกิดความตื่นตระหนกมีแต่เพิ่มความตึงเครียด โดยเจรจาอย่างขอไปที ขณะที่ผู้นำยูเครนรับไม่ไหวแถลงข่าวโวย สื่อ-รัฐบาลบางประเทศปั่นข่าวสงครามเกินจริงจนเสียหายทั้งด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ

วันที่ 31 ม.ค.2565 สำนักข่าวเอพีและรัสเซียทูเดย์รายงานว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC กำหนดจัดการประชุมตามคำขอของสหรัฐฯ เกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครนเป็นครั้งแรก จากการที่รัสเซียเสริมกำลังทหารใกล้พรมแดนยูเครน โดยนางลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ (Linda Thomas-Greenfield) ทูตสหรัฐฯประจำสหประชาชาติ เป็นผู้ยื่นเรื่องและแจ้งข่าวการประชุมเมื่อ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา อ้างการกระทำของรัสเซียถือเป็นภัยคุกคามชัดเจนต่อสันติภาพและเสถียรภาพสากล และต่อกฎบัตรสหประชาชาติ ขอให้สมาชิก UNSC ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา และพิจารณาผลประโยชน์ของยูเครน รัสเซีย ยุโรป รวมไปถึงระเบียบและหลักการสำคัญของระเบียบสากลกรณีรัสเซียเดินหน้ารุกรานยูเครน 

ในการประชุมครั้งนี้ ทูตจากสองประเทศโต้กันเดือด และเป็นโอกาสที่ทูตรัสเซียได้ชี้แจงต้นตอการปลุกปั่นสงครามยูเครนเพื่อเป้าหมายแอบแฝงของสหรัฐ

นายวาซิลี เนเบนเซีย ทูตรัสเซีย (Vassily Nebenzia)ยืนยันว่า ไม่มีหลักฐานว่ารัสเซียกำลังวางแผนใช้มาตรการทางทหารกับยูเครน และเรื่องการเสริมกำลังที่ว่าก็ไม่ได้รับการยืนยันจากสหประชาชาติด้วย

เนเบนเซียกล่าวว่า”รัสเซียเคลื่อนกำลังพลไปในดินแดนของตัวเองบ่อยครั้ง และนี่ไม่ใช่ธุระอะไรของสหรัฐฯ สหรัฐกำลังปลุกปั่นสร้างแรงกดดัน, โน้มน้าวชักจูง และยั่วยุ “นี่ไม่ได้เป็นแค่การแทรกแซงกิจการภายในของเราอย่างไม่อาจยอมรับได้เท่านั้น แต่ยังเป็นความพยายามชี้นำประชาคมนานาชาติไปในทางที่ผิด เกี่ยวกับความจริงของสถานการณ์ในภูมิภาคและสาเหตุของความตึงเครียดทั่วโลกในปัจจุบัน”

ด้านนางลินดา โธมัส-กรีนฟีลด์ทูตสหรัฐฯ กล่าวว่า “นี่เป็นการเคลื่อนกำลังทหารครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรปในรอบหลายทศวรรษ และในขณะที่เราคุยกันอยู่นี้ รัสเซียก็กำลังส่งกองกำลังอาวุธไปสมทบเพิ่มอีก” เธออ้างอีกว่า รัสเซียกำลังวางแผนเพิ่มทหารที่ชายแดนเบลารุสกับชายแดนทางเหนือของยูเครนเป็น 30,000 นาย และขู่กลับอีกว่า สหรัฐฯจะเคลื่อนไหวอย่างเด็ดขาดหากรัสเซียบุกรุกยูเครน และผลที่ตามมานั้นจะน่าสะพรึงกลัวมาก และตบท้ายเหมือนเดิมว่าสหรัฐฯ จะยังคงเชื่อว่ามีทางแก้ปัญหานี้ด้วยวิธีทางการทูต

ฝ่ายสหรัฐไม่รายงานความเคลื่อนไหวของตัวเองและอังกฤษที่ส่งหน่วยพิเศษไม่ฝึกทหารยูเครน และเตรียมจัดตั้งขีปนาวุธพิสัยกลางในประเทศสมาชิกนาโตที่มีพรมแดนติดรัสเซียทหารเข้าไปฝึกแต่อย่างใด

คาดว่าการประชุมครั้งนี้ไม่สามารถขอกำลังทหารสหประชาชาติมาร่วมรบรัสเซียได้แต่เป็น มาตรการรุกทางการทูตเพื่อทำลายภาพพจน์ของรัสเซียมากกว่า แต่ก็เป็นโอกาสให้รัสเซียได้พูดความจริง นอกจากนี้นานาชาติที่ติดตามข่าวสารอย่างครบด้านจะมองออกว่า สงครามที่จะเกิดขึ้นเป้าหมายไม่ใช่ที่ยูเครน และเป็นการขยายแนวรบสู่ยุโรปเพื่อวาระซ่อนเร้นของวอชิงตัน

ในเวลาเดียวกันนี้สื่อออนไลน์ท้องถิ่นไบรบาร์ท (Breibart)ปธน.โวโลดีมีร์ เซเลนสกีแห่งยูเครน ประณามสื่อ,องค์กรระหว่างประเทศและผู้นำระดับโลก ที่พยายามโน้มน้าวต่อสาธารณชนว่าสงครามใกล้จะเกิดขึ้นจากการรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย เซเลนสกีระบุว่าความตื่นตระหนกที่เกิดจากการปั่นข่าวเหล่านี้ทำให้ยูเครนต้องเสียเงินลงทุนจากต่างประเทศถึง 12.5 พันล้านฮรีฟเนีย ประมาณ 437 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ14.5 ล้านล้านบาท

หลังจากการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างปธน.โวโลดีมีร์ เซเลนสกีแห่งยูเครนกับโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ดูเหมือนว่าจะเป็นการหารือที่มีบรรยากาศของความขุ่นข้องและยืดเยื้อ จากการรายงานของ CNN โดยอ้างอิงจากแหล่งข่าวหนึ่ง ต่อมาเซเลนสกีจัดแถลงข่าวกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า

“ผมพูดเรื่องนี้กับประธานาธิบดีไบเดนว่า เราต้องทำให้เศรษฐกิจของประเทศเรามีเสถียรภาพ แต่เพราะสัญญาณที่บอกว่าพรุ่งนี้จะมีสงคราม เพราะสัญญาณเหล่านี้ถูกส่งโดยผู้นำต่างๆ ของประเทศที่น่าเคารพนับถือ พวกเขาก็ส่งออกมาโดยไม่ได้ใช้ภาษาทางการทูตด้วยซ้ำ! พวกเขากำลังพูดว่า ‘พรุ่งนี้คือสงคราม’ นี่หมายถึงความตื่นตระหนกในตลาด ความตื่นตระหนกในภาคการเงิน ประเทศของเราต้องเสียหายไปเท่าไรแล้ว?”

เซเลนสกีกล่าวว่า “เรามี GDP ที่ทำลายสถิติในปี 2021 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ทำลายสถิติ และเรามีการเติบโตในช่วงเวลาสั้นๆ แต่หลังจากนั้น ผมคิดว่าจุดเริ่มต้นของการรายงานข่าวว่าจะมีสงคราม มีการอพยพคน การลงทุนมูลค่า 12,500 ล้านถูกนำออกจากยูเครนโดนปฏิเสธทันที ” 

เซเลนสกีกล่าวคร่ำครวญว่า “มันเป็นความเสียหายที่ยูเครนต้องจ่ายในราคาแพงมาก” ดูเหมือนว่าเสียงครวญจากผู้นำยูเครนจะมุ่งเป้าไปที่ผู้นำสหรัฐและสื่อสหรัฐโดยตรง เขากล่าวว่า “เราได้พูดคุยกับปธน.โจ ไบเดน เราคิดว่าจะต้องมีวิธีการที่สมดุล ผมไม่ได้บอกว่าเขาให้ใช้อิทธิพลต่อสื่ออเมริกัน พวกเขาเป็นอิสระ แต่นโยบายสื่อจะต้องมีความสมดุล” 

เซเลนสกี้กล่าวเสริมว่า “หากพวกเขาต้องการทราบว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร พวกเขาสามารถมาที่เคียฟได้ เรามีรถถังบนถนนหรือไม่? ไม่มี”  “ที่รู้สึกได้คือ ถ้าคุณไม่อยู่ที่นี่ ความรู้สึกก็คือ ภาพที่สื่อมวลชนสร้างขึ้นคือการที่เรามีกองกำลังอยู่บนท้องถนน เรามีการระดมกำลัง ผู้คนกำลังออกไปสถานที่ต่างๆ ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเลย”