“ปิยบุตร” ระทึกคุก! คดีม.112 สอบปากคำนักวิชาการแล้ว ส่งสรุปบิ๊กตำรวจ-จ่อฟ้อง ส.ศิวรักษ์ด้วย
จากกรณีที่เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา ได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ที่สถานีตำรวจนครบาลดุสิต พร้อมกับนำเอกสารและหลักฐานไปมอบให้พนักงานสอบสวน
ล่าสุดวันนี้ นายเทพมนตรี ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าว โดยบอกว่า การดำเนินคดีกับอาจารย์ปิยบุตร วันนี้มีความคืบหน้าว่า ได้มีการสอบถามความเห็นของนักวิชาการไปแล้ว 1 ปาก และจะสอบนักวิชาการอีก 1 ปาก หลังจากนั้นก็จะสรุปความเห็นอีกครั้งหนึ่งเพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับขั้นต่อไป ช้าและเพื่อความรัดกุม รอครับ!
ย้อนไปก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา นายเทพมนตรี ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่จะมีการฟ้องร้องผู้เฒ่าวัย 88 ปี ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง โดยระบุว่า เรียนท่านสื่อมวลชน เรื่อง ผู้เฒ่าอายุ ๘๘
ตามที่ผมได้เกริ่นเอาไว้ว่าหลังสวัสดีปีใหม่พุทธศักราช ๒๕๖๕ ไปแล้ว จะดำเนินการฟ้องร้องผู้เฒ่าวัยชราในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง ผมขออนุญาตกราบเรียนว่าจะขอแจ้งรายละเอียดในวันพุธที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ อีกครั้งหนึ่ง ขณะนี้ได้รวบรวมเอกสารและหลักฐานการกระทำผิดได้มากมายครบถ้วนแล้ว
ผมคงใช้ข้อหาเดียวกันที่ได้แจ้งความดำเนินคดีกับอาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล คือประมวลกฏหมายอาญามาตรา ๑๐๘ และมาตรา ๑๑๒
อนึ่งผู้เฒ่าวัยชราผู้นี้ได้กระทำการดูหมิ่นเหยียดหยามไม่ใช่เฉพาะพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังหมิ่นพระเกียรติยศพระเจ้าอยู่หัวย้อนหลังกลับไปอีกหลายพระองค์ แม้ในทางกฎหมายอาจไม่สามารถรับเอาความผิดที่ได้กระทำกับพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลก่อนๆนั้นได้ หากแต่ผมต้องการชี้แจงให้เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนที่เป็นตำรวจได้เล็งเห็นว่า เขามีจิตเจตนาที่จะลดทอนพระราชอำนาจและพระเกียรติยศให้เสมือนว่า ทั้งวิธีพูด และวิธีการเขียนของเขาพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาลเป็นเพื่อนเล่นกับเขา
ผมทราบดีว่าหนทางที่จะดำเนินคดีกับเขาผู้นี้อาจจะใช้เวลาและอาจคาดคะเนไม่ได้ว่าด้วยอายุ ๘๐ กว่าของเขาจะทนทานแรงอาฆาตพยาบาทรายละเอียดในคดีความที่จะเกิดขึ้นนี้ได้หรือไม่ แต่กระนั้นอายุก็ไม่ใช่เป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งเป็นผู้เฒ่าวัยชราก็สมควรที่จะคิดรู้รับผิดชอบชั่วดี ควรมีสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณกับพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน
เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องเล็กๆ ไม่ใหญ่โตอะไรเห็นได้จากเมื่อครั้งก่อนนั้น ตอนที่เขาโดนคดีความในมาตรา ๑๑๒ ก็วิ่งร้องหาคนช่วย อ้างว่าสูงวัยอายุเยอะไม่อยากตายในคุก แต่เมื่อได้รับความช่วยเหลือแล้วก็ยังปากดีจาบจ้วงล่วงละเมิดไม่หยุด ยิ่งมีคนยุให้บันทึกประวัติศาสตร์ออกมาเป็นตอนๆก็ยิ่งฮึกเหิมลำพองใจไม่หยุดหย่อน
ผมเลยคิดว่าถ้าเขาได้คืนกลับสภาพเดิมเหมือนเมื่อครั้งก่อนที่จะได้รับความช่วยเหลือแล้ว และโดนฟ้องร้องดำเนินคดีในแบบเดียวกันบ้าง ใครหน้าไหนจะมาช่วยเหลือเขาได้อีก วันพุธที่ ๒๖ มกราคาพ.ศ.๒๕๖๕ ผมจะได้แจ้งกำหนดการเพื่อทราบอีกครั้งนะครับ
พร้อมกับโพสต์ข้อความต่ออีกว่า ผู้เฒ่าอายุ ๘๘ ขวบที่ผมกล่าวถึงคือ ส.ศิวรักษ์ ดูสิว่าใครจะเข้ามาช่วยเหลือ