Truthforyou

ประยุทธ์รุกทำงานเพื่อประเทศ ควงสุชาติเยือนซาอุฯ ฟื้นสัมพันธ์รอบ30ปี!ภารกิจเพื่อคนไทย

จากที่หลายสิบปีแล้วที่ความสัมพันธ์ของ 2 ชนชาติ ระหว่างไทยและซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเคยราบรื่น ต้องลดความสัมพันธ์เหลือเพียงความสัมพันธ์เหลือระดับอุปทูต หลังจากเกิดปัญหาคดีเพชรซาอุฯล่าสุดเกิดเรื่องราวที่น่ายินดีขึ้นด้วยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์

โดยเมื่อวันที่ 21 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ได้มีการแจ้งเลื่อนการประชุมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า จากเดิมวันอังคาร ที่ 25 มกราคม มาเป็นวันจันทร์ที่ 24 มกราคม และปรับรูปแบบ จากประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ มาเป็นประชุมแบบครบองค์ประชุม ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทั้งนี้มีรายงานว่าสาเหตุผลหนึ่งที่ต้องมีการประชุมแบบครบองค์ เนื่องจากมีวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับ ก่อนส่งต่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าสาเหตุที่ต้องเลื่อนการประชุม ครม.เป็นวันจันทร์ ที่ 24 ม.ค. เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องเดินทางไปปฏิบัติภารกิจสำคัญที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยมีทีมงานร่วมเดินทาง และหนึ่งในคนสนิทก็คือ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมเดินทางในภารกิจครั้งนี้ด้วย

ดังนั้นเองที่ทีมข่าวเดอะทรูธ อยากนำเสนอเรื่องราวในการเดินทางไปเยือนประเทศซาอุฯในครั้งนี้ของพล.อ.ประยุทธ์ กับภารกิจสำคัญภายหลังจากที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศแตกร้าวมากว่า30ปี ซึ่งค่อยๆเริ่มกลับมาฟื้นมิตรไมตรีด้วยฝีมือรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์นั่นเอง

เริ่มที่เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2559 พล.อ.ประยุทธ์ พบปะหารือสามฝ่ายร่วมกับเจ้าชายคอลิฟะห์ บิน ซัลมาน อัล คอลิฟะห์ นายกรัฐมนตรีบาห์เรน และนาย อเดล อัล-จูเบอีร์ รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย การพบปะหารือในครั้งนี้ เป็นดำริรวมกันของทุกฝ่าย เพื่อต้องการสานความสัมพันธ์ระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบีย โดยสมเด็จพระราชาธิบดีซาอุดีอาระเบีย ได้ทรงมอบหมายให้ รมว.ต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย เดินทางมาเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 2 ในครั้งนี้ และรวมทั้งเสริมสร้างแนวทางเพื่อสานความสัมพันธ์ของไทยและซาอุดีอาระเบียอีกด้วย

ทั้งนี้ บรรยากาศการหารือเป็นไปอย่างฉันมิตรและสร้างสรรค์ โดยได้มีการพูดคุยในหลายประเด็นในการนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ความสัมพันธ์ที่หยุดชะงักมากว่าสองทศวรรษจะได้รับการฟื้นฟูเพื่อเป็นการเริ่มศักราชใหม่ในการเสริมสร้างความสัมพันธ์และทดแทนโอกาสและเวลาที่สูญเสียไป

ขณะที่แหล่งข่าวทางการทูตเปิดเผยว่า การมาเยือนประเทศไทยของรัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบียในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี หลังจากที่รัฐบาลซาอุดีอาระเบียไ ม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ระดับรัฐมนตรีมาร่วมประชุมและหารือกับรัฐบาลไทย หลังเกิดเหตุการณ์คดีเพชรซาอุ และคดีอุ้มฆ่านายมูฮัมหมัด อัลรูไวลี นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย

16 มกราคม 2563  นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการที่เมืองญาจาง ประเทศเวียดนามว่า เมื่อวันที่ 11-13 มกราคมที่ผ่านมาได้เดินทางเยือนประเทศบาห์เรน ซาอุดีอาระเบีย และโอมาน

นายดอน กล่าวว่า การเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียนั้น เป็นการเดินทางเยือนตามคำเชิญของฝ่ายซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีการนัดหมายกันไว้ล่วงหน้า และยังถือเป็นการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย ครั้งแรกของรัฐมนตรีต่างประเทศไทยในรอบ 30 ปี หลังจากทั้งสองฝ่ายมีความประสงค์ที่จะปรับความสัมพันธ์ระหว่างกัน และได้หารือกันมาระยะหนึ่งแล้ว

“การเยือนครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากซาอุดีอาระเบียเป็นอย่างดี และถือเป็นพัฒนาการในทางบวกที่จะเป็นประโยชน์สำหรับทั้งสองประเทศต่อไป” นายดอนกล่าว

นี่คือความสำเร็จของประเทศไทยภายใต้การบริหารของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ที่กลุ่มคนอ้างตัวเป็นฝ่ายประชาธิปไตยไม่พูดถึง และที่ผ่านมาแม้รัฐบาลที่เรียกว่าเป็นประชาธิปไตยก็ไม่สามารถทำได้ ในการรื้อฟื้นความแตกร้าว ให้กลับมาด้วยมิตรไมตรีอย่างดีกับประเทศซาอุดิอาระเบีย ในรอบสามทศวรรษ

Exit mobile version