Truthforyou

หมัดเด็ดนายกฯตั้ง “แรมโบ้” แก้สลากเกินราคา! พบ”ธรรมนัส”เคยเป็นหุ้นส่วนใหญ่บ.ค้าหวย?-ถูกฝ่ายค้านแฉกลางสภา!

หมัดเด็ดนายกฯตั้ง “แรมโบ้” แก้สลากเกินราคา! พบ”ธรรมนัส”เคยเป็นหุ้นส่วนใหญ่บ.ค้าหวย?-ถูกฝ่ายค้านแฉกลางสภา!

จากกรณีที่วันนี้ (21 มกราคม 2565) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป., พ.ต.อ.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ รอง ผบก.ปปป., พ.ต.อ.อัครเดช เกตุเอี่ยม ผกก.4 บก.ปคม.รรท.ผกก.3 บก.ปปป., พ.ต.อ.เกรียงไกร ขวัญไตรรัตน์ ผกก.(สอบสวน) บก.ปปป., พ.ต.อ.รัชภูมิ กุสุมาลย์ ผกก.1 บก.ปปป. นำกำลังร่วมกับนายทวีป วุฒิบาทุกาจิตต์ รอง ผอ.สํานักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล บุกตรวจค้นบริเวณที่ทําการไปรษณีย์เอราวัณ อ.เอราวัณ จ.เลย และปั๊มน้ำมันบางจาก สาขาเอราวัณ จ.เลย

โดยพล.ต.ต.จรูญเกียรติเปิดเผยว่า บก.ปปป.ได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีกลุ่มผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ นําสลากที่ได้รับจัดสรรโควต้ามาปั่นราคา ทําให้ราคาขายสลากในท้องตลาดมีราคาสูงขึ้น สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นจํานวนมาก จึงได้ประสานกับสํานักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สืบสวนหาข่าวกว่า 2 เดือน วางแผนเข้าตรวจสอบไปรษณีย์ในพื้นที่ จ.เลย จนพบการกระทําความผิดดังกล่าว

ทั้งนี้ ยังกล่าวต่อว่า แนวทางการสืบสวนพบกลุ่มบุคคลที่ไปรับสลากจากพนักงานไปรษณีย์เอราวัณ โดยไม่ผ่านระเบียบขั้นตอนที่ถูกต้อง ก่อนนำสลากจํานวนหนึ่งบรรจุใส่ถุงผ้าไปรษณีย์ออกทางด้านหลัง แล้วนําไปขึ้นรถตู้โตโยต้า สีบรอนซ์เทา ทะเบียน นข 3536 เลย ที่จอดเตรียมไว้ เจ้าหน้าที่ที่เฝ้าสังเกตการณ์จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบสิ่งของภายในรถ พบนายชัยสิทธิ์ แยบสูงเนิน อายุ 32 ปี เป็นผู้ขับ และมี น.ส.ปวีณา ศรีโนนสุข อายุ 26 ปี ตรวจพบสลากกินแบ่งรัฐบาล พร้อมกล่องไปรษณีย์กว่า 200 กล่อง อยู่ภายในรถไม่มีใครรับเป็นเจ้าของ

ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่อีกชุด ตรวจค้นรถมิตซูบิชิ ปาเจโร สีบรอนซ์ ทะเบียน ขล 5821 ขอนแก่น จอดอยู่ในปั๊มน้ำมันบางจาก สาขาเอราวัณ มีนางกันยา ศรีบุรินทร์ อายุ 43 ปี เป็นคนขับ ตรวจพบกล่องไปรษณีย์บรรจุสลากกินแบ่งรัฐบาล 65 กล่อง บรรจุในถุงผ้าไปรษณีย์ กองรวมอยู่ในรถ เบื้องต้นนางกันยา รับว่าไม่ใช่เจ้าของสลากที่แท้จริง

เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ที่ถูกตรวจค้นรวมทั้งของกลางสลากกินแบ่งไปที่ สภ.วังสะพุง จ.เลย เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด พบสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้งหมดจํานวน 200,000 ใบ มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท จึงได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำสลากทั้งหมดคืนให้กับผู้ครอบครอง ดําเนินการต่อไป

เบื้องต้นให้การรับว่าได้ร่วมกับพนักงาน ปณ.เอราวัณ ลักลอบนําสลากกินแบ่งรัฐบาลออกมาให้โดยไม่ผ่านระเบียบขั้นตอนที่ถูกต้องจริง โดยมีนายไพโรจน์ หรือกล้วย อุตรนคร พนักงาน ปณ.เอราวัณ กับพวก ช่วยลักลอบนำสลากออกมาให้ ให้ค่าตอบแทนกล่องละ 100 บาท กับทางพนักงานไปรษณีย์ที่อำนวยความสะดวกนำสลากออกมาให้

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 8/2565 แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล

โดยมีเนื้อหาระบุว่า ตามที่กลุ่มมวลชนต่างๆ ได้เสนอข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีขอให้พิจารณาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเกี่ยวกับปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้นอาศัยอำนาจตามความมาตรา 11 (6) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินปี 2534 แต่งตั้งคณะกรรมการ จำนวน 21 คน โดยมี นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ และนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานกรรมการ

ทั้งนี้ หากย้อนไปเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 สำนักข่าวอิสรา ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับ เจาะเส้นทางถือหุ้น หจก.ขวัญฤดี ธุรกิจจำหน่ายสลากกินแบ่ง ‘ธรรมนัส พรหมเผ่า’ ปี 2553 – 7 พ.ค. 2562 ล่าสุดจดทะเบียนเปลี่ยนแปลง โอนหญิงสาว 2 คน ถือหุ้นใหญ่ ลูกสาว ‘เจ๊แดง’ 5 เสือ อีกคน ภูมิลำเนาอยู่ จ.พะเยา

สำนักข่าวอิศรา ระบุว่า นายธรรมนัส หรือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พลังประชารัฐ อดีตประธานกรรมการในเครือธรรมนัสกรุ๊ป ปัจจุบันเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นเจ้าของเครือข่ายธุรกิจมากกว่าสิบบริษัท หนึ่งในจำนวนนั้นคือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ขวัญฤดี ผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลรายใหญ่ ขณะที่เจ้าชี้แจงสื่อมวลชนเมื่อ 11 ก.ค.2562 ว่า ปัจจุบันไม่ได้เป็นผู้จำหน่ายรายใหญ่แล้ว ตั้งแต่มาเป็น ส.ส.ไม่ได้เป็นกรรมการ ไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทใดแม้แต่บริษัทเดียว

หากตั้งคำถามว่า ร.อ.หรือนายธรรมนัส เข้าไปถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัด ขวัญฤดี ตั้งแต่เมื่อไหร่ และล่าสุดโอนหุ้นไปให้ใคร?

ห้างหุ้นส่วนจำกัด ขวัญฤดี จดทะเบียนวันที่ 24 พ.ค. 2550 ทุน 1 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 110/2 ถ.วุฒากาศ แขวงตลาดพลู เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ ต่อมา 25 ก.พ.2554 ย้ายที่ตั้งเลขที่ 888 ถนนอโศก-ดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร (ที่ตั้งปัจจุบัน) มี น.ส.ขวัญฤดี กนิษฐสุต ลงหุ้นด้วยเงิน 900,000 บาท และ นายชัยพร ผลาจิณ 100,000 บาท

22 ก.ย.2553 เพิ่มทุนเป็น 2 ล้านบาท นายธรรมนัส พรหมเผ่า เข้ามาลงหุ้นด้วยเงิน 1 ล้านบาท  น.ส.ขวัญฤดี กนิษฐสุต 900,000 บาท นายชัยพร ผลาจิณ 100,000 บาท  นายธรรมนัส พรหมเผ่า และ น.ส.ขวัญฤดี กนิษฐสุต เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ

25 ก.พ.2554 นายธรรมนัส พรหมเผ่า ลงหุ้นด้วยเงิน 1 ล้านบาท น.ส.ขวัญฤดี กนิษฐสุต 900,000 บาท นายธนัท ปุ้ยตระกูล 100,000 บาท (นายชัยพร ผลาจิณ ถอนชื่อออก) นายธรรมนัส พรหมเผ่า และ น.ส.ขวัญฤดี กนิษฐสุต เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ

12 ม.ค.2555  นายธรรมนัส พรหมเผ่า 1 ล้านบาท นายสุธี พงษ์เพียรชอบ 1 ล้านบาท (น.ส.ขวัญฤดี กนิษฐสุต และ นายธนัท ปุ้ยตระกูล ถอนชื่อออก) นายธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ

30 ม.ค.2556 เพิ่มทุนเป็น 3 ล้านบาท นายธรรมนัส พรหมเผ่า 1 ล้านบาท น.ส.ขวัญฤดี กนิษฐสุต 1 ล้านบาท (น.ส.ขวัญฤดี กนิษฐสุต กลับเข้ามาถือหุ้นอีกครั้ง) นายสุธี พงษ์เพียรชอบ 1 ล้านบาท นายธรรมนัส พรหมเผ่า และ น.ส.ขวัญฤดี กนิษฐสุต เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ

30 ก.ค.2556 ผู้ถือหุ้น 3 คนคงเดิม แต่จดทะเบียนแก้ไข นายธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการเพียงคนเดียว

8 ส.ค.2558 ถือหุ้น 3 คนคงเดิม นายธรรมนัส พรหมเผ่า และ นายสุธี พงษ์เพียรชอบ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ

3 ธ.ค.2561 นายธรรมนัส ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการ ออกใบสำคัญรับเงินลงหุ้นจาก น.ส.ขวัญฤดี กนิษฐสุต และ น.ส.สุกัญญา โพธิ คนละ 1 ล้านบาท เพื่อชำระเป็นเงินลงหุ้นของห้างหุ้นส่วนจำกัดขวัญฤดี

7 พ.ค.2562 น.ส. ขวัญฤดี กนิษฐสุต ปรากฎลงหุ้นด้วยเงิน 2 ล้านบาท  (เพิ่มจากเดิม 1 ล้านบาท)  น.ส.สุกัญญา โพธิ 1 ล้านบาท น.ส. ขวัญฤดี กนิษฐสุต เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการเพียงคนเดียว  (ไม่มีชื่อ นายธรรมนัส พรหมเผ่า และ นายสุธี พงษ์เพียรชอบ ถือหุ้น)

จากข้อมูลเห็นได้ว่า นายธรรมนัสเข้ามาถือหุ้นในช่วงปี 2553 และจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงเมื่อ 7 พ.ค.2562 ขณะที่ผู้ร่วมถือหุ้นกับนายธรรมนัส มีข้อมูลดังนี้

น.ส.ขวัญฤดี กนิษฐสุต อายุ 35 ปี มีข้อมูลระบุว่า เป็นลูกบุญธรรม นางปลื้มจิตต์ กนิษฐสุต หรือ เจ๊แดง เจ้าของ บริษัท หยาดน้ำเพ็ชร 1 ใน 5 เสือผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลในอดีต

น.ส.สุกัญญา โพธิ อายุ 37 ปี แจ้งที่อยู่ในจ.พะเยา และมีชื่อถือหุ้นในธรรมนัสกรุ๊ปอย่างน้อย 2 บริษัท

1. บริษัท ธรรมนัส การ์ด จำกัด ในช่วงปี 2554-2558 จำนวน 5,000 หุ้น (ปัจจุบันชื่อ บริษัท รักษาความปลอดภัย ที.พี.การ์ด จำกัด)

2. บริษัท สบายใจ มาร์เก็ต จำกัด (บริษัท ธรรมสินธุ์ ธรรมนัส จำกัด ) ในช่วง 12 ก.ย. 2561 – 8 ต.ค.2561 จำนวน 23,300 หุ้น และ มีชื่อเป็นกรรมการ บริษัท สบายใจ มาร์เก็ต จำกัด ในช่วงดังกล่าวด้วย

นายสุธี พงษ์เพียรชอบ มีชื่อถือหุ้นใน บริษัท สบายใจ มาร์เก็ต จำกัด บริษัท รักษาความปลอดภัย ที.พี.การ์ด จำกัด และอีกหลายแห่ง ดังนั้น น.ส.สุกัญญา และ นายสุธี เป็นคนในเครือข่ายธรรมนัสกรุ๊ป นั่นเอง?

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2563 นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังปวงชนไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ตนไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมให้บริหารประเทศต่อไป เพราะนอกจากจะมีการแทรกแซงสื่อสารมวลชน วิทยุชุมชน จนปิดตัวไปรายหลายแห่งแล้ว กรณีที่แต่งตั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ เป็นรมช.เกษตรและสหกรณ์ ทั้งที่มีคุณสมบัติไม่เหมาะสม และขัดต่อการเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ มีทั้งกรณีถูกถอดยศ จาก ร.ท.เพราะหนีราชการ มีพฤติกรรมแจ้งรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีรายได้จากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล เดือนละ 3 ล้านบาททั้งที่ข้อเท็จจริงค้นคว้า พบว่า ร.อ.ธรรมนัส ไม่มีโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่งเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการกองสลากฯ ปี 2558 เพื่อแก้ปัญหาสลากฯ ขายเกินราคา โดยตรงผ่านธนาคารกรุงไทย ทำให้บริษัทที่มี ร.อ.ธรรมนัส เป็นหุ้นส่วน รับโควตาสลาก ถูกริบโควตา ดังนั้น ร.อ.ธรรมนัส ไม่ควรมีรายได้จากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งเชื่อว่า ร.อ.ธรรมนัส แจ้งบัญชีทรัพย์สินที่เป็นเท็จ

นายนิคม อภิปรายว่า รายได้ที่ ร.อ.ธรรมนัส แจ้งต่อ ป.ป.ช.เดือนละ 3 ล้านบาทเชื่อว่าข้อเท็จจริงมีรายได้สูงกว่านั้น จากการตรวจสอบพบว่าราคาต้นทุนของสลากฯ ต่อใบอยู่ที่ 75 บาท ส่วนผู้ค้าจะได้กำไรใบละ 5 บาท ขณะที่นายทุนที่ค้าสลาก เชื่อว่า จะมีกำไรใบละ 25 บาท

“เคยถามหากอยากได้จะทำอย่างไร เขาตอบว่าให้ไปถามบิ๊กป้อม ยุคนี้พิมพ์จำนวนสลากต่องวดละ 100 ล้านฉบับ จากเดิมพิมพ์ 60 ล้านฉบับ การพิมพ์สลากเพิ่มที่เกิดขึ้นเขาเล่าว่า จัดสรรให้ ร.อ.ธรรมนัส ดูแลจำนวน 80 ล้านฉบับ ผมเชื่อว่าหากนำไปขายจะทำให้กำไรกว่า 300 ล้านบาท และนำเงินที่ได้ดูแลคนตรงนี้ ส่วนเรื่องนี้จะจริงหรือไม่จริงต้องชี้แจงมา”

Exit mobile version