ถือเป็นประเด็นร้อนแรงในแวดวงการเมือง ทันทีที่พลังประชารัฐมีมติขับ “ธรรมนัส” พร้อมส.ส.ในกลุ่มอีก 21 คนพ้นพรรค หลังมีปมต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีไม่สำเร็จ ทำให้ต้องหาทางออกให้ย้ายพรรคใหม่ภายใน 21 วัน ทั้งนี้ ในการประชุมดังกล่าวมีการประชุม 2 รอบ โดยรอบแรกเป็นการประชุมกรรมการบริหารพรรค 18 คนที่มาร่วมประชุมจากทั้งหมด 23 คน โดยมีมติ 11 ต่อ 6 ให้ขับงดออกเสียง 1 เสียง
จากนั้นมีการประชุมร่วมระหว่างกรรมการบริหารและส.ส.มีผู้มาร่วมประชุมจำนวน 78 คน โดยมีมติให้ขับจำนวน 63 คน ไม่เห็นด้วย 1 เสียง ที่เหลืองดออกเสียง ซึ่งครบตามจำนวตน 3 ใน 4 ตามข้อบังคับพรรคมผลให้ร.อ.ธรรมนัสและส.ส.ในกลุ่ม 21 คนต้องออกจากพรรคต้องหาพรรคสังกัดภายใน 30 วันไม่เช่นนั้นจะขาดสมาชิกภาพการเป็นส.ส.
รายงานข่าวเปิดเผยว่า หลัง ร.อ.ธรรมนัส พร้อมส.ส.ในสังกัด 21 คนยื่นรายชื่อผ่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร.ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อขอต่อรองตำแหน่งเก้าอี้รมต.ตามสัดส่วนเดิม แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไม่ยอม จึงมีการหาทางออกโดยให้ย้ายพรรค โดยใช้วิธีการให้ขับดังกล่าวเพื่อให้ไปสังกัดพรรคใหม่ไม่ต้องพ้นสภาพส.ส.และไม่ต้องมีการเลือกตั้งซ่อม
ขณะที่ท่าทีการเคลื่อนไหวในพรรคการเมืองฝ่ายค้าน อย่างพรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ได้ทวีตข้อความระบุถึงประเด็นนี้ว่า “พรรคการเมืองที่ไม่ได้ร้อยรัดกันด้วยอุดมการณ์ ไม่ได้มีแกนความคิดอะไรร่วมกัน
เป็นแค่การรวมตัวกันของมุ้งต่าง ๆ เพื่อเป็นยานพาหนะให้เผด็จการได้สืบทอดอำนาจยึดครองประเทศ โดยไม่มีประชาชนอยู่ในสมการ เมื่อไหร่ที่ผลประโยชน์ไม่ลงตัวก็เล่นเกมต่อรอง ถ้ายอมกันไม่ได้ก็แตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ”
ทำให้มีคอมเม้นต์จากกองหนุนก้าวไกล เข้ามาตอบด้วยว่า เงินและผลประโยชน์ที่ลงตัว เรียกเสี่ยง ๆ ที่แตกกลับมารวมกันได้เสมอ เชื่อเช่นนั้น โลกก็เป็นแบบนี้มาตลอด ทุกวงการ แค่ละครฉากนึงในช่วงเวลานึง ความแข็งแกร่งคือเงิน ไม่ใช่ความสัมพันธ์มนุษย์ที่แตกแล้วต่อยาก ส่วนความอ่อนแอคือการไม่มีทั้งเงินและอำนาจใบหน้าร้องไห้ด้วยความปลื้มปิติ เป็นมนุษย์ตัวจ้อย
นอกจากนี้ยังมีคอมเม้นต์จากโซเชียล ที่สวนกลับนายวิโรจน์แบบหน้าแหก ด้วยว่า เหมือนบางพรรค ทำคะแนนอนาคตใหม่หาย เกินครึ่งทุกครั้งนะครับ พร้อมทั้งยังมีคนเปรียบเทียบภาพกับคำพูดของนายวิโรจน์ว่า ถ้าเลือกเอาอุดมการณ์มานำ ก็คงมีสภาพแบบเพนกวินและแม่ของเพนกวินใช่หรือไม่
