สหรัฐกระอัก!?โดนเท กลุ่มประเทศตะวันออกกลางแห่ซบจีน หนีถูกบีบ

1290

บทบาทจีนในภูมิภาคตะวันออกกลางดีวันดีคืน ก้าวรุดหน้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ในช่วงสัปดาห์นี้ จีนมีโอกาสต้อนรับเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากชาติในภูมิภาคตะวันออกกลางหลายราย พร้อมกับมีการประชุมหารือกัน โดยให้คำมั่นยกระดับความสัมพันธ์ และเร่งการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงเขตการค้าเสรี และกระชับความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ในภูมิภาค ทำสหรัฐอยู่ไม่เป็นสุขเพราะอดีต กลุ่มประเทศอาหรับจะเมินเฉยต่อจีน และบางประเทศจะมีท่าทีไม่เป็นมิตรกับจีนด้วย มาวันนี้ต่างเดินสายเข้าหาจีนกันยกแผง สิ่งที่สหรัฐหวาดหวั่นที่สุดก็คือ อำนาจแห่งปิโตรดอลลาร์ ที่สหรัฐสร้างกฎเกณฑ์บังคับให้ทั้งโลกซื้อน้ำมันด้วยสกุลเงินดอลลาร์ทำให้สามารถพิมพ์เงินได้ไม่อั้น โดยไม่ต้องมีทองคำค้ำประกัน วันนี้เค้าลางร้ายเกิดขึ้นต่อเนื่องไม่อาจขัดขวางได้อีกแล้ว เมื่อรัสเซียและจีนริเริ่มปลดแอกจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางนานาประเทศพากันตุนทองคำเพิ่มสูงสุดในรอบ 13 ปี

วันที่ 14 ม.ค.2565 สำนักข่าวเซาท์ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์รายงานว่า นาย นาเยฟ ฟาเลาะห์ อัล-อัชราฟ(Nayef Falah Al-Hajraf) เลขาธิการของคณะมนตรีความร่วมมือชาติในอ่าวอาหรับ หรือกลุ่ม GCC มีชื่อเต็มว่า Gulf Cooperation Council พร้อมด้วยรัฐมนตรีต่างประเทศชาติสมาชิก 4 ชาติ จากทั้งหมด 6 ชาติ ได้แก่ซาอุดิอาระเบีย , คูเวต, โอมาน และบาห์เรน ได้เดินทางมาเยือนเมือง อู๋ซี มณฑลเจียงซู ทางภาคตะวันออกของจีน

ภายหลังการหารือระหว่างนาย หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน กับเลขาธิการ GCC ก็ได้มีการออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า ทั้งสองฝ่ายจะสรุปการเจรจา เกี่ยวกับข้อตกลงเขตการเสรีระหว่างจีนกับ GCC ให้ได้โดยเร็วที่สุด พร้อมกับเร่งให้มีการลงนามรับรองแผนการปฏิบัติงาน เพื่อการหารือเชิงยุทธศาสตร์ในอีก 3 ปีข้างหน้า

นอกจากนั้น นายหวัง ยังมีการหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีต่างประเทศ 4 ชาติ GCC โดยปักกิ่งแสดงความชื่นชมแต่ละชาติ ที่ให้การสนับสนุนนโยบายของจีนด้านไต้หวัน , สิทธิมนุษยชน ,ปัญหาในภูมิภาคซินเจียง และการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว2020 ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นประเด็น ที่ถูกสหรัฐฯ วิพากษ์วิจารณ์ นอกจากนั้น รัฐบาลปักกิ่งยังพูดถึงประเด็นเศรษฐกิจว่า จีนพร้อมให้ความร่วมมือกับชาติในตะวันออกกลางในด้านต่าง ๆ ตั้งแต่การเกษตร, พลังงาน , อี-คอมเมิร์ซ ,การพัฒนาโครงข่าย 5G ไปจนถึงการบังคับใช้ข้อกฎหมาย ตลอดจนโครงการด้านโบราณคดี

การมาเยือนของเลขาธิการ GCC และคณะยังมีขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับการมาเยือนจีนของ นาย เมฟเลิต ชาวูโชลู รัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกี

ล่าสุดรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ฮุสเซน อมีร์-อับดุลลาฮีน (Hossein Amir-Abdollahian) เยือนจีนเพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินการตามสนธิสัญญาความร่วมมือระดับทวิภาคีในหัวข้ออื่น ๆ ที่มีผลประโยชน์ร่วมกันเมื่อวันศุกร์ที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่รัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มอ่าวอาหรับหรือ GCC สี่ประเทศเสร็จสิ้นการเยือน

จีนแสดงบทบาทโดดเด่นในช่วงเวลา ที่ปรากฏสัญญาณบ่งชี้หลายประการว่า พี่เบิ้มที่กร่างอยู่ในตะวันออกกลางอย่างสหรัฐฯ กำลังถอยออกมาจากการที่เคยมีอิทธิพลครอบงำเหนือภูมิภาคแห่งนี้ ทำให้เกิดการตั้งคำถามขึ้น ทั้งจากชาวอเมริกัน นักการเมือง และนานาชาติว่า สหรัฐจะถอนตัวจากตะวันออกกลางจริงหรือ  เกี่ยวกับภาระผูกพันด้านความมั่นคงในอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป เมื่อตะวันออกกลางมีความสำคัญคือแหล่งน้ำมันที่ค้ำบัลลังก์อำนาจการเป็นเจ้าโลกของสหรัฐตลอดมา

นอกจากนั้น เมื่อปี 2018/2561 สหรัฐฯ ก็ได้ถอนตัวจากข้อตกนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านกับชาติมหาอำนาจ ซึ่งเป็นข้อตกลง เพื่อควบคุมไม่ให้อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ แลกกับการยุติคว่ำบาตรอิหร่าน อีกทั้งสหรัฐฯยังถอนทหารอเมริกันทั้งหมดออกจากอัฟกานิสถานเมื่อปีที่แล้ว

ปัจจุบันนี้จีนเป็นชาติผู้ซื้อพลังงาน และเป็นชาติคู่ค้ารายใหญ่สุดของตะวันออกกลาง นอกจากนั้น ความสัมพันธ์ก็ไปไกลมากกว่าแค่ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ โดยจีนยังเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านกับซาอุดิอาระเบีย, อียิปต์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมทั้งยังมีส่วนร่วมในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านอีกด้วย

รองศาสตราจารย์ หวัง จิน ประจำสถาบันตะวันออกกลางศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยนอร์เวสต์ของจีนระบุว่า ชาติในอ่าวอาหรับยินดีกระชับความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับจีน ทั้งๆที่รู้ดีว่า สหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรของตน กำลังจับตาดูการเติบโตของจีนในตะวันออกกลางอยู่ก็ตาม

ด้านนาย ซีโน ลีโอนี แห่งสถาบัน เหลาไชน่า (Lau China) ในสังกัดคิงส์คอลเลจลอนดอนมองว่า จีนต้องการแรงสนับสนุนจากชาติในตะวันออกกลางและภูมิภาคแอฟริกาเหนือ (MENA) ก็เพราะชาติเหล่านี้ไม่แทรกแซงเรื่องกิจการภายในของจีนนั่นเอง