สหรัฐ-ต.ต.กระอัก!?’มินอ่องหล่าย’ขยายเวลาหยุดยิงกลุ่มชาติพันธุ์ถึงสิ้นปี 65 ขณะศาลตัดสินจำคุกซูจีเพิ่ม

1517

ท่ามกลางการกดดันขั้นสูงจากสหรัฐและองค์กรพันธมิตรตะวันตก เมียนมาต้องเผชิญศึกความขัดแย้งที่ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชากล่าวว่า มีปัจจัยครบที่เข้าขั้นสงครามกลางเมือง แต่กัมพูชา ซึ่งมีบทบาทเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ มีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะไม่ให้สถานการณ์ในเมียนมาบานปลาย กระทบกับอาเซียนมากจนเกินควบคุม จึงเดินหน้าเข้าหาฝ่ายเมียนมาและได้รับการต้อนรับอย่างดี ขณะที่ทางการเมียนมาประกาศยืดเวลาการหยุดยิงกับกลุ่มชาติพันธุ์ เท่ากับเน้นไปปราปปรามที่กองกำลังติดอาวุธฝ่ายต่อต้าน และกักตัวอองซาน ซูจีด้วยคดีอาญาเพิ่ม สถานการณ์เช่นนี้ย่อมไม่เป็นที่พอใจของสหรัฐและตะวันตกอย่างแน่นอน แผนการชูหุ่นเชิดยากสำเร็จ

วันที่ 9 ม.ค.2565 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ประธานสภาบริหารแห่งรัฐ และผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้ประกาศขยายช่วงเวลาหยุดยิงกับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ไปจนถึงสิ้นปี 2565 ตามคำแถลงร่วมที่ออกโดยกระทรวงการต่างประเทศ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการประชุมกับนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ของกัมพูชาในกรุงเนปีดอ

เมื่อปีที่ผ่านมา กองทัพพม่าได้ประกาศขยายช่วงเวลาการระงับปฏิบัติการทางทหารเป็นเวลา 5 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2564 จนถึงวันที่ 28 ก.พ.2565 เพื่อให้ความพยายามในการต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 ทั่วประเทศมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตลอดจนส่งเสริมกระบวนการสันติภาพในประเทศ และจนถึงขณะนี้ มีกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ 10 กลุ่ม ได้ลงนามในข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศกับรัฐบาลตั้งแต่ทางการเริ่มดำเนินการในเดือน ต.ค.2558เป็นต้นมา

ฮุนเซน ที่ในปีนี้ประเทศดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียนของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ได้หารือกับ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ในประเด็นที่มีความสนใจและข้อกังวลร่วมกันทั้งในระดับทวิภาคีและระดับภูมิภาคระหว่างการเยือนพม่าอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 2 วัน

ปรัก สุคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา กล่าวกับนักข่าวว่า การเจรจาระหว่างนายกรัฐมนตรีฮุนเซน และผู้นำพม่าประสบความสำเร็จดีมาก และมีความก้าวหน้าที่มุ่งไปสู่การดำเนินการตามความพยายามสร้างสันติภาพที่เห็นพ้องกัน โดยสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลุ่มระดับภูมิภาคที่กัมพูชาเป็นประธานกลุ่มในปัจจุบัน

ปรัก สุคนกล่าวว่า“หากมีผู้ใดคัดค้านความก้าวหน้าของการเจรจาเหล่านี้และข้อตกลงเช่นนี้ คงเป็นเพียงผู้ที่ชอบสงคราม ผู้ที่ไม่ต้องการเห็นพม่ากลับคืนสู่ความมั่นคงและสันติสุข” 

คำแถลงร่วมเกี่ยวกับหารือเมื่อวันศุกร์ที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา อธิบายว่า พวกเขาได้หารือกันอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา และระบุว่า พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ได้ขยายการหยุดยิงไปจนถึงสิ้นปี นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองจะผลักดันการพบหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อไป

ปรัก สุคน ยังเปิดเผยว่า ฮุนเซนได้หยิบยกกรณีของฌอน เทอร์เนลล์ อดีตที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจชาวออสเตรเลียของอองซานซูจี ที่กำลังถูกพิจารณาคดีในพม่าในข้อหาละเมิดความลับราชการ เขากล่าวว่า ฮุนเซนยกเรื่องดังกล่าวขึ้นตามคำร้องของรัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย

“ฮุนเซนยกประเด็นดังกล่าวขึ้นหารือกับมิน อ่อง หล่ายโดยตรง และเขาตอบว่าคดีนี้อยู่ในศาล แต่เขาบอกว่าเมื่อคดีเสร็จสิ้นเขาจะพิจารณาคดีนี้ นั่นหมายความว่าเขาสัญญาว่าจะมีข่าวดีให้ฮุนเซน” ปรัก สุคน กล่าว

ล่าสุดวันที่ 10 ม.ค.2565 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างแหล่งข่าวเปิดเผยว่า ศาลเมียนมาตัดสินโทษจำคุกนางออง ซาน ซูจี เป็นเวลา 4 ปี จากฐานความผิดครอบครองวิทยุสื่อสาร วอล์คกี้ทอล์คกี้โดยผิดกฎหมายและฝ่าฝืนมาตรการควบคุมโควิด-19 ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2564  นางซูจีถูกศาลตัดสินโทษจำคุก 4 ปี ในคดีแรกข้อหายุยงปลุกปั่นและละเมิดข้อห้ามในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก่อนที่จะได้รับการอภัยโทษให้ส่วนหนึ่งจากพลเอกอาวุโสมิน อ่อง ลาย ส่งผลให้มีการลดโทษจำคุกลงในคดีดังกล่าวจาก 4 ปี เหลือ 2 ปี