กลับมาเคลื่อนไหว ตรวจสอบส.ส.เพื่อไทยอีกครั้ง โดยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เปิดเผยถึงกรณี ที่นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
กรณีที่นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เปิดเผยในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลเมื่อวันที่ 2 ก.ย.2564 กล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จ่ายเงินจำนวน 5 ล้านบาทให้กับ ส.ส.ที่รัฐสภา เพื่อให้ลงคะแนนไว้วางใจให้กับตนเอง
โดยนพ.สุกิจ แถลงข่าวไว้บางส่วน ดังนี้ว่า “คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว จึงขอเสนอความเห็นกรณีดังกล่าวว่าจากพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ได้แสวงหารวบรวมและตรวจสอบ ไม่มีประจักษ์พยาน หรือไม่มีพยานแวดล้อมเพียงพอที่จะฟังได้ว่า นายกรัฐมนตรีได้จ่ายเงินให้กับ ส.ส. เพื่อให้ลงคะแนนไว้วางใจให้กับนายกรัฐมนตรีภายในอาคารรัฐสภา ในคราวการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามที่นายวิสาร ได้กล่าวอ้างแต่อย่างใดนั้น
กรณีนี้มาจากการที่นายวิสารกล่าวถ้อยคำว่า “คนที่อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตอนนี้ สง่างามหรือไม่ ผมขอท่านชวน หลีกภัย เป็นเสาหลักให้ประชาชนคนไทยด้วย ผมขอประกาศไปทั่วโลกว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์จ่ายเงินให้ ส.ส.คนละ 5 ล้านบาท ที่ห้องทำงานชั้น 3 ถือเป็นพฤติกรรมที่อุกอาจ ทุจริต ต้องการอยู่ในตำแหน่ง จนถึงต้องให้ ส.ส. ไปรับเงินกลางสภาฯ ล่มเถอะครับ หน้าไม่อาย ทำอย่างนี้ได้อย่างไร” เมื่อผลสอบออกมาเช่นนี้แล้ว จึงต้องขอให้ ป.ป.ช. ไต่สวนนายวิสารว่า การกล่าวหานายกรัฐมนตรีดังกล่าว เข้าข่ายมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ หรือไม่
ทั้งนี้ มาตรฐานทางจริยธรรมฯ มีข้อที่อาจเกี่ยวข้อง ดังนี้ “ข้อ 8 ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อตนเอง หรือผู้อื่นหรือมีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ”, “ข้อ 15 ให้ข้อมูลข่าวสารตามข้อเท็จจริงแก่ประชาชนหรือสื่อมวลชนอันอยู่ในความรับผิดชอบของตน ถูกต้องครบถ้วนและไม่บิดเบือน” และ “ข้อ 17 ไม่กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง”
“ในวันที่10 ม.ค. จะส่งหนังสือไปทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ ป.ป.ช. เรียกผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว มาประกอบการไต่สวนนายวิสาร”