เปิดข้อมูลรับวัคซีน “แกนนำก้าวไกล-ก้าวหน้า” ปากด้อยค่าแอสตร้า-ซิโนแวค หักหลังสามนิ้วฉีดกันอื้อ!

1557

เปิดข้อมูลรับวัคซีน “แกนนำก้าวไกล-ก้าวหน้า” ปากด้อยค่าแอสตร้า-ซิโนแวค หักหลังสามนิ้วฉีดกันอื้อ!

จากกรณีที่กำลังเป็นประเด็นตั้งคำถามอย่างกว้างขวาง เมื่อทางด้านของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้ประกาศว่าติดโควิด-19 หลังจากที่กลับมาจากต่างประเทศ จนนำไปสู่การเปิดเผยข้อมูล ประวัติการฉีดวัคซีนของ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ว่า นายธนาธร มีการไปฉีดวัคซีน โดยฉีดในวันที่ 1 ก.ค.64 เวลา 19.15 น. ที่ โรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์ ซึ่งหลายคนสงสัยว่า เวลาดังกล่าวนั้นค่อนข้างน่าแปลกใจ

ต่อมาทางด้าน สำนักข่าว The Truth ก็ได้สอบถามไปยังแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถืออีกครั้ง โดยได้ตรวจสอบรายละเอียดแล้ว พบว่า ประวัติการฉีดวัคซีน ที่ ดร.อานนท์ นำมาเปิดเผยนั้น เป็นของ นายธนาธร จริงหรือไม่ ซึ่งได้รับคำตอบว่า “เป็นความจริง” โดย นายธนาธร เข้าไปฉีดวัคซีน “แอสตราเซเนกา” ซึ่งผลิตโดย บจก.สยามไบโอไซเอนซ์ ในวันและเวลาดังกล่าวจริง โดยที่ไม่มีการลงทะเบียนล่วงหน้าแต่อย่างใด แต่เป็นการวอล์คอิน เข้าไปฉีด

ล่าสุดก็ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลการฉีดวัคซีนของส.ส.ในพรรคก้าวไกล โดยคนแรกคือ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ฉีดวัคซีนเข็มแรก เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 เป็นวัคซีนซิโนแวค (C202104064) เข็มที่ 2 ฉีดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2564 วัคซีนซิโนแวค (C202104069) และเข็มที่ 3 ฉีดเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2564) เป็นของแอสตร้าเซเนก้า (210156)

ต่อมานายรังสิมันต์ โรม ฉีดวัคซีนเข็มแรก จากเกาหลีใต้ เข็มแรกฉีดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 เป็น แอสตร้าเซเนก้า (CTMAV509) ล็อตที่ผลิตจากเกาหลีใต้ โดยกลุ่มบุคคลที่ได้ฉีด ล็อตนี้ (พ.ค. 2564) คือ บุคลากรทางการแพทย์ หรือ ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง เช่น สมุทรสาคร ภูเก็ต ฉีดเข็มที่ 2 เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 เป็น แอสตร้าเซเนก้า (D007A) และเข็มที่ 3 ฉีดเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2564 เป็น โมเดอร์น่า (3005841)

นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ฉีดวัคซีนเข็มแรก เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2564 เป็นของซิโนแวค (C202104065) เข็มที่ 2 ฉีดเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2564 เป็นวัคซีนซิโนแวค (C202105081) และเข็มที่ 3 ฉีดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2564 เป็นของแอสตร้าเซเนก้า (A1092)

และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เข้ารับวัคซีนเข็มแรก เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2564 เป็นยี่ห้อแอสตร้าเซเนก้า (A1003) เข็มที่ 2 ฉีดเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2564 ของแอสตร้าเซเนก้า (A1016) และเข็มที่ 3 เป็นวัคซีนไฟเซอร์ -ไบออนเทค เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2565

และสำหรับของน.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เข้ารับวัคซีนเข็มแรกเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2564 เป็นของแอสตร้าเซเนก้า (A1009) และฉีดเข็มที่ 2 เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2564 เป็นวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า (210003) และเข็มที่ 3 ฉีดของโมเดอร์น่า เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2564

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลดังกล่าว จะเห็นได้ว่า ส.ส.พรรคก้าวไกล รวมไปถึงหัวหน้าพรรคและแกนนำคณะก้าวหน้า ได้เข้ารับการวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า และซิโนแวค ซึ่งที่ผ่านมา ส.ส.คนดังกล่าว ก็ได้มีพฤติกรรมที่ออกมาด้อยค่าวัคซีนดังกล่าวหลายครั้ง

ย้อนไปเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2564 นางอมรัตน์ ได้โพสต์ข้อความพร้อมกับรูปภาพฉีดวัคซีนโควิด ระบุว่า ซิโนแวคเข็มที่ 2 วันนี้การบริหารจัดการการฉีดวัคซีนที่อาคารรัฐสภาทำได้ดีมาก จนท.มีความเป็นมืออาชีพ ใช้เวลารวมทั้งสิ้นถึงกลับบ้านได้ประมาณ 1 ชม. #ไม่มีโรคประจำตัว

จากนั้น นางอมรัตน์ โพสต์ข้อความสั้นๆว่า “ฉีดให้มันจบๆไป” โดยเป็นการตอบผู้ที่เข้ามาถามว่า “ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงยอมฉีดยี่ห้อนี้” ซึ่งนางอมรัตน์ ตอบกลับว่า “ฉีดไปส่งเดชค่ะ ตามที่เค้าจัดให้ ขี้เกียจเรื่องเยอะ”

นอกจากนี้ ยังมีผู้แสดงความเห็นว่า “เสี่ยงเกินไปครับ โชคดีที่ไม่เป็นไรครับ” นางอมรัตน์ ตอบกลับว่า คงเพราะไม่กลัวเลยไม่รู้สึกว่าเสี่ยงอะไร และรู้สึกชีวิตตัวเองไม่ได้มีค่าอะไรมากมาย เลยส่งเดชไปไม่เป็นไรค่ะ”

ในขณะเดียวกัน ย้อนไปเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.64 หลังจากที่ นางนวลพรรณ ล่ำซำ ผอ.ฝ่ายสื่อสารองค์กรกิตติมศักดิ์ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ได้ออกมาชี้แจงทุกประเด็นเกี่ยวกับการผลิตและส่งมอบวัคซีนแอสตราเซเนกา ของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ที่ได้ส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรก จำนวน 1.8 ล้านโดสไปเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2564 ให้กับแอสตราเซเนกา โดยทางบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ถือเป็นโรงงานเดียวในไทยและเอเชียที่มีศักยภาพในการผลิตวัคซีน หลังจากได้ลงนามร่วมกันเมื่อเดือนธันวาคม 2563

ทำให้ ช่อ พรรณิการ์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีดัวกล่าวว่า งงค่ะ เมื่อวานบอกว่าที่ส่งมอบ 1.8 ล้านโดสคือให้ไทย แต่วันนี้บอกส่งให้แอสตร้าเซเนก้า แล้วแต่แอสตร้าจะไปจัดสรรให้ประเทศไหน สรุปว่าเดือนนี้ไทยได้กี่โดสกันแน่จากแอสตร้า?

แต่การที่ สธ.แถลงว่า เดือนนี้มีวัคซีนฉีดให้ประชาชน 6 ล้านโดส (ซึ่งเป็นตัวเลขแผนที่เคยระบุไว้ว่าเดือนมิ.ย. แอสตร้าต้องส่งวัคซีนให้ไทย 6 ล้านโดส) แต่เป็นซิโนแวคบวกแอสตร้า และตอนนี้ไทยยังมีซิโนแวคเหลือในมืออีกประมาณ 2 ล้านโดส บวกสั่งมาใหม่อีก 3 ล้านโดสในเดือนนี้ ก็หมายความว่าเดือนนี้เราน่าจะได้ฉีดซิโนแวคเป็นหลัก เพราะมีอยู่ถึง 5 ล้าน จาก 6 ล้านโดสที่เป็นโควต้าวัคซีนเดือนนี้
ปล. อนุทินยังสั่งซิโนแวคมาอีก 11 ล้านโดส อาจเป็นการสำรองใช้เผื่อแอสตร้าส่งมอบได้ไม่ตรงตามแผนในเดือนถัดๆไปหรือไม่?

ปล.2 ใครที่คิดว่าวัคซีนอะไรก็เหมือนๆกัน โปรดเข้าใจว่าซิโนแวคซึ่งมีประสิทธิภาพประมาณ 50% ในการป้องกันโรค ย่อมไม่สามารถทำให้เกิดภูมิต้านทานหมู่ได้ หรือเกิดช้ากว่าวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง 70-95% เพราะต่อให้ฉีดให้คนครบ 100% ทั้งประเทศ ภูมิก็ไม่ขึ้นถึง 70-75% ดังมีตัวอย่างในชิลี ที่ปูพรมฉีดซิโนแวคให้ประชากรเกิน 60% ไปแล้วแต่กลับเจอระบาดซ้ำระลอกใหม่ ในขณะที่อิสราเอล สหรัฐฯ ฉีดวัคซีนให้ประชากรด้วยอัตราใกล้เคียงกัน และไม่เจอระบาดซ้ำ เพราะฉีดไฟเซอร์ โมเดอร์นาเป็นหลัก