ดร.ปิติ ศรีแสงงามชี้ “จีน” จ่อขึ้นเป็นประเทศรายได้ระดับสูงภายในปีนี้ หรืออย่างช้าสุดปีหน้า จับตาเศรษฐกิจแซงสหรัฐฯ ขึ้นเบอร์หนึ่งโลก ได้ในปี 2035 แต่หากรักษามาตรฐานจีดีพี 8-9% แบบช่วงโควิด จะใช้เวลาอีกแค่ 6 ปีเท่านั้น สอดคล้องกับนักวิเคราะห์ฟากตะวันตก ที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะพึ่งพาการลงทุนของรัฐ การพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง และการบริโภคภายในประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ และจีนจะแซงหน้าสหรัฐฯ ในทศวรรษหน้า
วันที่ 5 ม.ค. 2565 ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ลักษณะพิเศษของจีนจะไม่เหมือนประเทศอื่น ประเทศอื่นพึ่งพาจีน แต่จีนพึ่งพาตัวเอง ก็เลยทำให้ปี 2022 อเมริกากับยุโรป อาจไม่โตเท่าปี 2021 แต่จีนในปี 2021 ไม่พึ่งพาต่างประเทศเลย แต่ก็อยู่ได้ ปี 2022 จีนอาจโตมากขึ้นก็ได้ และในปี 2022 อาจเป็นวาระสำคัญจะได้เห็นจีนขึ้นเป็นประเทศที่มีรายได้ระดับสูง ในปี 2020-2021
รายได้เฉลี่ยต่อคนของจีนอยู่ที่ประมาณ 10,260 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี ในขณะที่มาตรฐานธนาคารโลกที่จะจัดชั้นเป็นประเทศรายได้ระดับสูงอยู่ที่ 12,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี ถ้าจีนโตระดับนี้อย่างต่อเนื่อง ภายในปีนี้ หรืออย่างช้าที่สุดปี 2023 จีนก็จะกลายเป็นประเทศรายได้ระดับสูง
นอกจากนี้ แผนพัฒนาเศรษฐกิจของจีน เข้าสู่หัวโค้งสำคัญ คือ แผนที่ 14-16 ต่อเนื่องกัน 15 ปี ในปี 2020-2035 ถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญมาก เหตุผลหนึ่งที่ สี จิ้นผิง ต้องอยู่ต่อและอยู่ยาว คือ จีนต้องการการเติบโตต่อเนื่องอย่างมีคุณภาพไปถึงปี 2035
ถ้าใช้อัตราการเจริญเติบโตในอดีตที่จีนกับอเมริกาก็โตไม่สูง ปีที่เศรษฐกิจจีนจะแซงอเมริกาขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของโลก คือ ปี 2035 เขาต้องการโตต่อเนื่อง 15 ปี ฉะนั้น การเมืองต้องนิ่ง ต้องโตแบบมีคุณภาพสูงด้วย คือ ไม่มีคอร์รัปชัน ต้องรักษาสิ่งแวดล้อม ต้องลดความเหลื่อมล้ำ นโยบาย Common Prosperity เลยออกมาเพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว
รศ.ดร.ปิติ กล่าวด้วยว่า เวลาพูดถึงพัฒนาการเศรษฐกิจของจีน ต้องไล่เป็นปี จะเห็นว่าไม่ยากเลยที่จะวิ่งแข่งกับทุกคน จีนเริ่มเปิดประเทศจริงๆ จังๆ ในปี 1991-1992
จากนั้นปี 1995 จีดีพีแซงสเปน-แคนาดา, ปี 2000 แซงอิตาลี, ปี 2005 แซงฝรั่งเศส, ปี 2006 แซงสหราชอาณาจักร, ปี 2008 แซงเยอรมนี และปี 2010 แซงญี่ปุ่น
ตอนนี้จีนเป็นเบอร์ 2 แล้ว จะแซงอเมริกาได้เมื่อไหร่ ถ้าคิดแบบก่อนโควิด ที่โต 5-6% อเมริกาโต 2-3% ถ้าเป็นแบบนี้จีนจะแซงอเมริกาได้ปี 2035 แต่ถ้าอเมริกาโตแบบเดิม 2-3% แล้วจีนรักษามาตรฐาน 8-9% แบบช่วงโควิดไว้ได้ จีนจะแซงอเมริกาในปี 2028 อีก 6 ปีเท่านั้น และถ้าใช้มาตรฐานแบบไม่มีโควิด จีนจะมีรายได้ต่อหัวคิดเป็น 2 เท่าของอเมริกา ในปี 2060
มุมมองของศจ.ดร.ปิติฯ สอดคล้องใกล้เคียงกับนักวิเคราะห์ทั้งด้านเศรษฐศาสตร์และการลงทุนสหรัฐฯต่างฟันธงว่า เศรษฐกิจของจีนเติบโตต่อเนื่องได้แม้อยู่ในระหว่างการระบาดโควิดหลายระลอกและจะแซงหน้าสหรัฐในอีก 8 ปี
เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2564 สำนักข่าววีโอเอนิวส์รายงานว่า GDP ของจีนควรเติบโต 5.7% ต่อปี จนถึงปี 2025 และ 4.7% ต่อปีจนถึงปี 2030 ศูนย์ให้คำปรึกษาด้านเศรษฐศาสตร์และการวิจัยธุรกิจของอังกฤษ (CEBR) คาดการณ์ และระบุว่าจีน ซึ่งปัจจุบันเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก จะแซงหน้าเศรษฐกิจ ของสหรัฐฯ ภายในปี 2030/2573 บริษัทประกันสินเชื่อออยเลอร์ แอร์เมสได้คาดการณ์ในลักษณะเดียวกัน
เดนนี รอย เจ้าหน้าที่อาวุโสของศูนย์สมองตะวันออก-ตะวันตกในโฮโนลูลู กล่าวว่า “ปักกิ่งมีเงินทุนและอำนาจทางการเมืองภายในประเทศที่ไม่ถูกจำกัด เพื่อใช้คลังสาธารณะขนาดใหญ่ของจีนในการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในการให้บริการตามวัตถุประสงค์ระดับชาติและระดับโลกของผู้นำ”
ราจีฟ บิสวอส(Rajiv Biswas) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ IHS Markit กล่าวว่า “ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา การบริโภคภายในประเทศได้กลายเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญมากขึ้น เนื่องจากตลาดผู้บริโภคในประเทศจีนเติบโตขึ้นอย่างมาก
ความเป็นผู้นำของปักกิ่ง “มีเป้าหมายที่จะสร้างงานในเมืองใหม่มากกว่า 11 ล้านตำแหน่ง และขยายอุปสงค์ภายในประเทศและการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ” สำนักข่าวซินหัวของทางการระบุเมื่อกลางปี 2564 มาตรการดังกล่าว “คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจจีนกลับสู่สภาวะปกติก่อนเกิดโรคระบาด”
