พฤศจิกาโกลาหล?!? เลือกตั้งสหรัฐเสี่ยงขัดแย้งแรง ปชช.เสียชีวิตโควิดพุ่ง ขณะผู้นำป่วยปัญหารุม

1875

พฤศจิกายนศกนี้ สหรัฐจะมีเลือกตั้งได้แน่หรือ เมื่อการระบาดทำคนอเมริกันเสียชีวิตพุ่ง ไม่มีวัคซีน ไม่มีแผนรับมือที่ดีพอ ผู้นำป่วย-ศูนย์อำนาจแย่งชิงการนำ ประชาชนขาดแคลนทั้งเงินและที่อยู่ การเลือกตั้งทางไปรษณีย์จึงตอบโจทย์ความกลัวเชื้อโรคให้แก่คนอเมริกันผู้มีสิทธิออกเสียง และส่วนใหญ่สมัครลงคะแนนเสียงผ่านไปรษณียฺ์ ทำให้ทรัมป์และทีมงานพรรครีพับลิกันกระวนกระวายอย่างมากที่ไม่อาจมั่นใจผลได้ชัดเจนเหมือนการเลือกตั้งโดยตรงอย่างในอดีต  ขณะที่เดโมแครตพัฒนาแนวทางเพิ่มฐานเสียงด้วยการเคาะประตูเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง โอกาสที่ทรัมป์จะชนะจึงไม่แน่นอน นักวิเคราะห์ต่างจับตามองว่าทรัมป์จะแก้เกมส์นี้อย่างไร ทั้งผลคะแนนเลือกตั้งจากไปรษณีย์และความนิยมของคณะเลือกตั้งประธานาธิบดี ท่ามกลางสถานการณ์โกลาหลยากลำบากของประชาชนอเมริกันทั้งป่วยและขาดแคลน

การเสียชีวิตจากติดเชื้อไวรัสโควิด-19 การเลือกตั้งที่อลหม่านและการเจ็บป่วยของผู้นำประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้เกิดความสงสัยวิตกกังวลถึงการมาลงคะแนนเสียงของคนอเมริกัน ท่ามกลางความหวั่นกลัวการแพร่กระจายเชื้อโรค และ ความไม่แน่ใจในชีวิตความเป็นอยู่ของตน แต่อย่างไรก็ตามฝันร้ายอาจผ่านพ้นไปได้ เมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันที่ 4 พฤศจิกายน อเมริกาก็จะได้รู้ว่า ใครจะมาเป็นผู้นำฟันฝ่าวิกฤตรอบด้าน อย่างที่คนอเมริกันไม่ได้ตั้งตัวรับและไม่เคยต้องพบเจอมาตลอดหลายทศวรรษ และตามรายงานประชาชนส่วนใหญ่สมัครลงคะแนนเสียงผ่านไปรษณีย์เรียบร้อยแล้ว

มีเหตุผลหลายประการที่สามารถเชื่อได้ว่าการคิดมารวมตัวกันหมู่มากเป็นการแพร่เชื้อโรคเพิ่มขึ้น จากผลโพลในช่วงใกล้ๆนี้แม้แต่ในพื้นที่ที่นิยมปธน.ทรัมป์  ผู้เชี่ยวชาญการเลือกตั้งกล่าวว่า “การที่คณะผู้เลือกประธานาธิบดีมารวมตัวกันโดยไม่ต้องมีประธานาธิบดีเป็นสิ่งที่ดี” ทอม โบเนียร์, ซีอีโอของทาร์เก็ตสมาร์ท บริษัทเก็บข้อมูลทางการเมืองด้านประชาธิปไตยบอกไว้ อย่างไรก็ตาม ผู้มีสิทธิเลือกตั้งนับล้านซึ่งทำการสำรวจมาก่อนหน้านี้ รู้สึกดีที่ไม่ต้องต่อคิวยาวในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ท่ามกลางการระบาด และทำให้ทั้งสองพรรคการเมืองคู่แข่ง ต้องพยายามจะเข้าถึงผู้มีสิทธิลงคะแนนอย่างจริงจัง

การระบาดไวรัสโควิด-19 บีบคั้นการเลือกตั้งสหรัฐ  ซึ่งณเวลานี้มีความพร้อมแล้วในทุกมลรัฐ ที่จะรับมือกับการขยายตัวของกลุ่มคนเลือกตั้งที่มีแนวโน้มจะมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งสหรัฐ  และปัญหาเฉพาะหน้า เช่นการชะงักงันของการสรปผลคะแนนและกำหนดการสิ้นสุดการลงคะแนนเสียงผ่านทางไปรษณีย์ซึ่ง ต้องให้แน่ใจว่าการลงคะแนนเสียงแล้วสามารถนับได้ทันเวลาประกาศผล

เมื่อปี 2014 การรวมตัวกันเพื่อเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรมีจำนวนต่ำสุดในรอบ 70 ปี จากการเปิดเผยของ Michael McDonald นักวิทยาศาสตร์การเมืองแห่งมหาวิทยาลัยฟลอริดา 4 ปีต่อมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ชนะได้เข้าอยู่ในทำเนียบขาว ได้มีการยกเครื่องระบบการเลือกตั้งอย่างมีนัยยะสำคัญ ในกฎหมายเลือกตั้ง ถือเป็นปีแห่งการแทรกแซงอย่างแท้จริง  “ปัจจัยใหญ่ซึ่งเปลี่ยนแปลงการเมืองระหว่างปี 2014 และ 2018 คือโดนัลด์ ทรัมป์” แมคโนนัลด์กล่าวว่า ปัจจุบันนี้อนาคตของทรัมป์อยู่ในบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์ และได้มีความพยายามเปลี่ยนแปลง เพื่อจะได้ทำการโหวดอย่างง่ายและสามารถระดมคนได้มากกว่า

โหวดทางไปรษณีย์ส่งผลกระทบต่อทรัมป์

นักวิเคราะห์การเมืองได้คาดการณ์ การรวมตัวกันเลือกตั้งในปี 2020 โรนัลด์ บราวน์สเตนรายงานบทเรียนของการเลือกตั้งปี 2016 ว่าในปี 2016 คนอเมริกันมากกว่า 150 ล้านจะลงคะแนนเสียงในฤดูหนาว คาดว่าประมาณ 139 ล้านคนลงคะแนนเสียงผ่านไปรษณีย์ ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้ง  การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในฤดูร้อนที่ผ่านมาทำให้สงสัยในจำนวนยอดผู้จะมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง  มีการผลักดันรัฐต่างๆให้เลื่อนการเลือกตั้ง และทำให้จำนวนการลงคะแนนเสียงลดลงในสองสามมลรัฐ เช่น อิลลินอยส์ และโอไฮโอ ซึ่งได้ทำการเลือกตั้งในเดือนมีนาคมและเมษายน

แต่หลายมลรัฐกลับมีการขยายตัวของจำนวนการลงทะเบียนโหวตทางไปรษณีย์ ซึ่งในอดีตมีการผลักดันมาตลอดแต่ไม่ได้รับการตอบสนองเท่าที่ควร และในหลายมลรัฐได้จัดการเลือกตั้ง ไพรมารีและการเลือกตั้งในช่วงฤดูร้อน รวมทั้งมลรัฐแมสซาชูเสจ ในปี 2020 การช่วงชิงระหว่างรัฐ จอร์เจีย, เท็กซัส, และฟลอริดา ทำลายสถิติ การเลือกตั้งในจอร์เจีย ได้รับผลจากการเพิ่มกลุ่มเป้าหมายเพราะ การโหวตพุ่งและคำนวนได้ง่าย ในปี 2016 ระดับการรายงานการแพร่ขยายของการลงมติ เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการโหวดหลากหลาย ซึ่งสามารถผลักดันการลงคะแนนเสียง อย่างมีนัยยะสำคัญ “แต่เราได้เห็นอะไรทางด้านความเป็นประชาธิปไตยที่รวมตัวกันสูงมาก ซึ่งเราไม่เคยเห็นมาก่อน”

การลงคะแนนเสียงก่อนการเลือกตั้งสามารถสนับสนุนการเก็บสถิติการรวมตัวกันได้อย่างดี  ถึงแม้ว่าการเลือกตั้งล่วงหน้าจะไม่ใช่ตัวชี้ขาดผลการเลือกตั้งทั้งหมด แต่จำนวนคนเลือกตั้งทางไปรษณีย์และโดยตรงกว่า1 เดือนก่อนเลือกตั้ง ได้สร้างความประหลาดใจแก่นักสังเกตุการณ์เลือกตั้งของสหรัฐอย่างมาก คนอเมริกันมากว่า 4.7 ล้านคนได้โหวดเลือกผ่านทางไปรษณีย์เรียบร้อยแล้ว และมีจำนวนมากในบางรัฐ เช่น วิสคอนซิล และเวอร์จิเนีย จำนวนเพิ่มถึง 15% เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งครั้งล่าสุดปี 2016  ในชุมชนวิสคอนซิลเดน เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่ามากกว่าปี 2016 อีก 4 สัปดาห์ก่อนเลือกตั้ง คนเหล่านี้ตัดสินใจเลือกอย่างแน่นอนแล้วซึ่งเมื่อก่อนไม่มีใครยอมลงคะแนนก่อนจะถึงวันเลือกตั้งใหญ่  แต่ที่นอร์ทคาโรไลนา 1 ในสามของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเป็นคนที่ไม่เคยลงคะแนนเลือกตั้งมาก่อนเลย ซึ่งรายงานสถิติจาก สิ่งพิมพ์แมคโดนัลด์ เป็นสิ่งพิมพ์เผยแพร่สาธารณะ ในบทความเรื่อง “ผลประโยชน์ทะลุฟ้า” และการลงคะแนนเสียงล่วงหน้า ที่รายงานโดยไบพาทิสันทีมว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการที่คณะผู้เลือกตั้งจะสะท้อนความต้องการของกลุ่มชนขนาดใหญ่ กลุ่มผู้สนับสนุนประชาธิปไตยได้ให้บทเรียนแก่ชาวรีพับลิกันมาแล้วและการสะท้อนของรายงานพาร์ทิสันว่า ทำไมทรัมป์จึงคัดค้านการลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์

เดโมแครต-การเคาะประตูเยี่ยมเยียนโดยตรงได้ผลมาก

สำหรับพรรคเดโมแครต เกิดการรวมกลุ่มอย่างมากในส่วนของผู้สนับสนุนพรรค ซึ่งที่ผ่านมาออกมาลงคะแนนเสียงน้อยมาก  ชาวละติน กลุ่มผู้สนับสนุนและพันธมิตรเดโมแครต เช่นในรัฐ เนวาดา, อริโซนา, เท็กซัส และฟลอริดา ได้ออกมาลงคะแนนกันท่วมท้นเป็นประวัติการณ์ท่ามกลางการระบาดโควิด-19 และนักกิจกรรมกล่าวว่า พรรคเดโมแครตต้องเรียนรู้ การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทางการเมืองที่จะพัฒนาเป็นผู้ลงคะแนนเสียง นายอันโตนิโอ แอเรียลลาโน ประสานงานฐานเสียงในเท็กซัส เรียกว่า “Jolt Initiative” ซึ่งพยายามผลักดันชาวละติดในมลรัฐโดย เคาะประตูบ้านเยี่ยมเยียนครัวเรือนกว่า 80,000 แห่ง เข้าถึงคนกว่าครึ่งล้าน มากยิ่งกว่าผู้มีสิทธิลงคะแนนทางดิจิตัล ก่อนการเลือกตั้ง

“ผมกำลังกดกรึ่ง” เขาบอกผมทางโทรศัทพ์ตอนสัมภาษณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขากล่าวว่า มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงในกลุ่มชาวละติดในประเทศ แต่ในอดีต การขาดข้อมูลในการตัดสินใจว่า จะทำให้เขาไม่ต้องเสี่ยงในการดำเนินชีวิตในอเมริกา และตัวเลขพวกเขาไม่ได้ปรากฏอยู่บนโต๊ะ

“ผลแรงเหวี่ยงซึ่งไม่ได้คาดหวังนี้ ต้องการการลงทุนเพื่อสนับสนุนซึ่งทางเราไม่เคยให้ความสำคัญมาก่อน” แอเรียลลาโนกล่าว “ถ้าคุณคิดว่า การที่กูเกิลแปลเนื้อหาการรณรงค์ของคุณทางเว็บไซต์ และช่องข่าวของภาษาเสปน คือโคตที่ไม่โคต ส่งถึงชาวละติน คุณอยู่บนข่าวสารที่ตกหล่นไม่ถึงกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มคนเช่น โครงการกลุ่มประสานงานเท็กซัส ได้พยายามประสานคนเชื้อสายอาฟริกันและคนละตินจำนวน 1.6 ล้านคนให้มาโหวตสนับสนุนเลือกคนของพรรคเดโมแครตในฤดูหนาวนี้  เป็นสัญญาณขายการดำเนินการในปีที่ผ่านมา และเล่นบทบาทใหญ่ในการช่วยให้พรรคเดโมแครตเพิ่มที่นั่งในสภาฯได้วุฒิสมาชิก เท็ด ครุยซ์ ในปี 2018 อย่างไรก็คาดว่าจะสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้มีสิทธืเลือกตั้งท่ามกลางการระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้มลรัฐเท็กซัสกลายเป็นสีฟ้าได้ นี่เป็นคำถามใหญ่ ซึ่งผู้อำนวนการของเดโมแคต ไมเคิล ทรีมิลโล กล่าว

การกีดกันคนผิวสียิ่งทำให้ได้รับผลตรงกันข้าม

การระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้ง่ายในการเพิ่มจำนวนการลงคะแนนผ่านไปรษณีย์ได้ แต่มันไม่สามารถส่งผลกระทบกับกลุ่มผู้สนับสนุนระยะยาวได้ต่อคนผิวดำและชาวละตินผู้มีสิทธิออกเสียง  ในเท็กซัส ในเท็กซัส พรรครีพบลิกันปฏิเสธการลงคะแนนเสียงผ่านไปรษณีย์ โดยเฉพาะกับคนอายุ 65 ปีขี้นไปซึ่งมักจะเป็นฝ่ายอนุรักษณ์นิยม และเมื่อสัปดาห์ก่อน ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส, เกรก แอบบอตต์ ได้ประกาศจำกัดการวางกล่องรับไปรษณีย์เพื่อลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ซึ่งเป็นผลเสียแก่ชุมชน ทั้งที่เป็นมลรัฐที่ใหญ่ที่สุด มีประชากรมากและแตกต่างกันที่สุด แน่นอนเป็นการจำกัดการลงคะแนนเสียงของคนดำ ซึ่งทำให้เกิดผลตรงกันข้าม ราชัด โรบินสัน โฆษกกลุ่ม “Color of Change:PAC” กลุ่มก้าวหน้าซึ่งผลักดันป้ายรณรงค์บนถนนสายต่างๆตั้งแต่ต้นปีพยายามเข้าถึงผู้มีสิทธิออกเสียงคนผิวดำ 4 ล้านคน 

“ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่า การพยายามกดขี่คนผิวดำที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งยิ่งทำให้ได้กลุ่มผู้กระตือรือร้นออกมาเลือกตั้งมากยิ่งขึ้น” โรบินสันกล่าว

ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 เดือนความลังเลในการลงคะแนนเสียงผ่านทางไปรษณีย์ยังคงมีอยู่อย่างเห็นได้ขัด และระบบในการรองรับยังไม่พร้อม แต่สถานการณ์วันนี้เปลี่ยนไป ระบบพร้อม คนพร้อม เพราะสภาพการระบาดอย่างหนักของโควิด-19 ทำให้คนกังวลที่จะออกมาชุมนุมกันจำนวนมาก และเสียงติดเชื้อไวรัส ซึงไม่รู้ว่าจะได้รับการรักษาให้หายได้หรือไม่ อย่างไร คำถามคือแผนการรณรงค์ต่อต้านการลงคะแนนเสียงผ่านไปรษณีย์ได้ผลระดับไหน  ความไม่สันทัดของเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ที่จะรองรับจำนวนการโหวดมหาศาล ความสับสนของประชาชนที่ได้รับข่าวสารเป็นสองฝ่ายจะทำให้เกิดการระงับการลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์ได้หรือไม่

ผู้เชี่ยวชาญไม่แน่ใจว่าจะมีตุกติกกับบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์?

“บัตรเลือกตั้งจำนวนมหาศาลที่ลงคะแนนผ่านไปรษณีย์ที่แสดงว่าจะไม่ออกไปลงคะแนนเสียงทางตรง ก็จะเป็นไปตามกระบวนการโหวตแต่ผลโหวดอาจไม่ได้รับการนับ ซึ่งจำนวนนั้นไม่ใช่ 0 คะแนนแน่” โบเนียร์กล่าว “เรามีท่อซึ่งสามารถนับจำนวนได้ไหม นั่นละเป็นเรื่องท้าทายในประเทศนี้ และมันจะท้าทายต่อไป”

ผู้เชี่ยวชาญที่ผมได้พูดด้วย คาดการณ์อย่างง่ายๆว่า ความกลัวอย่างที่สุดยังคงอยู่  ภาพสะท้อนจากโพลและการลงคะแนนเสียงล่วงหน้า เป็นผลจากการผลักดันคนให้ออกมาลงคะแนนเสียงในปีนี้ เหตุผลใหญ่สนับสนุนสมมติฐานนี้ เขากล่าวว่าการเตรียมการของมลรัฐต่างๆก่อนหน้าช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา และการเริ่มลงคะแนนเสียงโดยคนมาลงมากกว่าที่เคยมีมา ทั้งคณะทำงานเลือกตั้งและผู้ลงคะแนน สามารถซึมซับปัญหาต่างๆได้ด้วยตัวเองและมีส่วนในการตัดสินใจ มากกว่าไปคิดตอนเวลาก่อนการเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ 

“ในที่สุด” โบเนียร์บอกผมด้วยความคาดหวังว่า”เรายอมรับสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้ว, และมันก็เป็นอย่างนั้นโดยทั่วไป”