แฉพฤติกรรม ผู้สมัครส.ส.ชุมพร ก้าวไกล ร่วมม็อบหน้าสถานทูต-ด่าหยาบนายก! นักวิชาการ ชี้ผิดคุณสมบัติลต.ชัด?

1918

แฉพฤติกรรม ผู้สมัครส.ส.ชุมพร ก้าวไกล ร่วมม็อบหน้าสถานทูต-ด่าหยาบนายก! นักวิชาการ ชี้ผิดคุณสมบัติลต.ชัด?

จากกรณีที่ในวันที่ 30 มกราคมนี้ จะมีการเลือกตั้งซ่อม เขต 1 ชุมพร หลังจากที่ตำแหน่งดังกล่าวว่างลง ซึ่งหลายๆคนให้ความสนใจและเป็นกระแสเมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมาเห็นทีจะเป็นผู้สมัครของ พรรคก้าวไกล โดยได้ นายวรพล อนันตศักดิ์ มาสมัครเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้

นายวรพล ได้เคลื่อนไหวกับพรรคก้าวไกล มาตั้งแต่ในสมัยที่ยังเป็นพรรคอนาคตใหม่ เป็นหนึ่งในผู้ร่วมสร้างเครือข่ายของพรรคในพื้นที่ภาคใต้ เป็นอดีตผู้ช่วยของนายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล สัดส่วนภาคใต้ นอกจากนี้ทางด้านของ นายวรพล ยังเป็นหนึ่งในนักเคลื่อนไหวในพื้นที่ภาคใต้

ต่อมาเพจชื่อดัง “เสธ.Play” ได้ไปค้นข้อมูลย้อนหลังในทวิตเตอร์ชื่อ Woraphon Anantasak ซึ่งเป็นทวิตเตอร์ส่วนตัวของ นายวรพล และนำมาโพสต์ถึงมุมมองและแนวคิดที่ นายวรพล เคยโพสต์ไว้เมื่อ วันที่ 21 มี.ค.63 ซึ่งมีรายละเอียดว่า “หมดยุคของคำว่า “ล้มเจ้า” แล้วครับ เพราะ “เจ้าล้มตัวเอง” มันเลยกลายมาเป็น..ยุค “ประชาชนตาสว่าง” และสุดท้าย ก็จะมีคนรู้สึก เหมือนเรามากขึ้น #กษัตริย์มีไว้ทำไม”

ซึ่งทำให้หลายๆคนต่างมองว่าค่อนข้างที่จะชัดเจนในแนวคิดของ นายวรพล ว่ามีมุมมองอย่างไรเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมดังกล่าว

ล่าสุด นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าวว่า เรียนพี่น้องชาวชุมพร คนใต้รักสถาบันทุกคน ท่านสามารถแจ้งความดำเนินคดีมาตรา 112 กับผู้สมัครรายนี้ได้ อย่าลืมนำบัตรประชาชนไปด้วย จะคนเดียวหรือรวมกลุ่มไปดำเนินการได้เลยครับ ช่วยกันเพื่อเมืองชุมพรใสสะอาด อย่าปล่อยคนแบบนี้ให้ลอยนวล

ทั้งนี้อ.เทพมนตรี ยังได้โพสต์ข้อความต่ออีกว่า ผู้สมัครคนนี้เคยร่วมม็อบสองเขาสามกีบ เป็นกีบทางใต้นี้เองโดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ไปร่วมม็อบหน้าสถานทูตเยอรมันและเคยชูป้ายด่านายกรัฐมนตรีอย่างหยาบคาย

อันที่จริงเป็นหน้าที่ กกต. เพราะทำผิดคุณสมบัติการสมัครรับเลือกตั้ง บาปเคราะห์ที่กระทำไว้ มันชัดเจนดีอยู่แล้ว
พรรคก้าวไกลกับสองเขาสามกีบมันเนื้อนาบุญอันเดียวกัน แปลกแต่จริงทั้งผู้สมัครในพรรคตรงข้ามทั้งประชาธิปัตย์ และพลังประชารัฐ ทำไมจึงไม่ไปร้อง กกต.ในประเด็นนี้ ?