คิมยังห้าว!?เกาหลีเหนือยิงทดสอบ ขีปนาวุธลูกแรกรับปีใหม่ ไม่ไว้ใจเมกาแต่พร้อมเจรจาเกาหลีใต้

1456

คิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือชมการยิงขีปนาวุธนำวิถีต้อนรับปีใหม่ ส่งสัญญาณบอกสหรัฐว่าไม่ยอมอ่อนข้อ ซึ่งปฏิบัติการครั้งนี้เกาหลีใต้และญี่ปุ่นตรวจพบว่า เป็นการยิงทดสอบขีปนาวุธ มาตกในทะเลญี่ปุ่นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นับเป็นครั้งแรกของปีนี้ หลังจากที่ผู้นำเปียงยางยืนยันในสารวันปีใหม่ว่า จะส่งเสริมการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสร้างขีดความสามารถทางทหารรับมือกับสถานการณ์ไม่แน่นอน

เมื่อวันที่ 5 ม.ค.2565 สำนักข่าวยอนแฮพ(Yonhap)และเอเอฟพี รายงาน อ้างแถลงการณ์ของหน่วยเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ (JCS:Joint Chiefs of Staff) ว่าในวันเดียวกันนี้ เกาหลีเหนือได้ยิงอาวุธลักษณะขีปนาวุธวิถีโค้งหรือ บัลลิสติกมิสไซล์ (Ballistic Missile) จากฐานยิงภาคพื้นดินไปตกที่ทะเลตะวันออก เมื่อเวลาประมาณ 08.10 น.

ทั้งนี้ทางเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ กำลังวิเคราะห์รายละเอียดของขีปนาวุธดังกล่าว พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมตั้งรับทางทหารเพื่อรับมือหากเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธเพิ่มเติม ด้านผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า การยิงขีปนาวุธดังกล่าวอาจเป็นการเรียกร้องให้มีการเจรจา หรืออาจเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติการซ้อมรบทางทหารห้วงฤดูหนาวของเกาหลีเหนือ ส่วนญี่ปุ่นยกระดับมาตรการเฝ้าระวังภัยคุกคามจากเกาหลีเหนืออีกครั้ง พร้อมกับประสานความร่วมมือกับสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ให้เฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนือ ทั้งนี้ การยิงขีปนาวุธดังกล่าวเป็นการทดสอบขีปนาวุธครั้งแรกของเกาหลีเหนือในปี 2565 จากที่ทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดเมื่อเดือน ต.ค.2564 ที่ผ่านมา

การยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ประธานาธิบดีมุนแจอินของเกาหลีใต้จะเข้าร่วม พิธีเปิดเส้นทางรถไฟที่จะเชื่อมต่อกับคาบสมุทรเกาหลีเหนือและใต้ที่ถูกแบ่งแยก ให้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันได้ในที่สุด

คำมั่นสัญญาปีใหม่ของผู้นำ คิม จองอึน ยืนยันที่จะสนับสนุนกองทัพเพื่อตอบโต้สถานการณ์ระหว่างประเทศที่ไม่แน่นอน ท่ามกลางการเจรจากับ เกาหลีใต้และสหรัฐฯ ที่หยุดชะงักไป

นายมุนได้ไปเยือนเมืองโกซอง ตั้งอยู่ชายฝั่งตะวันออกของเกาหลีใต้ ใกล้ชายแดนทาง เหนือ ซึ่งเขาได้ริเริ่มก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายใหม่ที่เขาเรียกว่า “หินก้าวเพื่อสันติภาพและความสมดุลของภูมิภาค” บนคาบสมุทรเกาหลี

มุนกล่าวว่า “เราไม่ควรละทิ้งความหวังสำหรับการเจรจาเพื่อที่จะเอาชนะสถานการณ์แบ่งแยกนี้โดยพื้นฐาน” “หากทั้งสองเกาหลีทำงานร่วมกันและสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกัน สันติภาพก็จะเกิดขึ้นได้ในวันหนึ่ง”

 

โครงการเชื่อมต่อทั้งสองเกาหลีโดยทางรถไฟเป็นหัวใจของการประชุมระหว่างนายคิมและนายมูนเมื่อปี 2018 ในสมัยอดีตปธน.ทรัมป์ แต่ความพยายามเหล่านั้นหยุดชะงักไป จนสหรัฐเข้าสู่ยุคของปธน.โจไบเดนที่เน้นมุ่งเป้าไปที่การปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเป็นสำคัญ โดยแลกกับการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรระหว่างประเทศ ซึ่งเกาหลีเหนือไม่พอใจอย่างมาก เนื่องจาก สหรัฐและเกาหลีใต้พุ่งเป้าปลดนุกส์เกาหลีเหนือ แต่จัดแสดงนิทรรศการขายอาวุธในเกาหลีใต้ พร้อมทั้งซ้อมรบร่วมกันอย่างเอิกเกริก เท่ากับเป็นการยั่วยุและสองมาตรฐานอย่างชัดเจน

กองทัพเกาหลีใต้ระบุว่า เกาหลีเหนือยิงสิ่งที่ “สันนิษฐานว่าเป็นขีปนาวุธ” จากจังหวัดชากัง ติดชายแดนจีน มาตกทะเลทางตะวันออกของคาบสมุทรเกาหลี ขณะแถลงการณ์ของสำนักงานประธานาธิบดีกล่าวว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีใต้เรียกประชุมฉุกเฉินและได้แสดงความกังวลต่อการยิงครั้งนี้

ด้านนายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น กล่าวถึงการยิงของเกาหลีเหนือว่าน่าจะเป็นการปล่อยขีปนาวุธ และ “น่าเสียใจจริงๆ ที่เกาหลีเหนือยังคงปล่อยมิสไซล์อย่างต่อเนื่องนับแต่ปีที่แล้ว” รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังวิเคราะห์รายละเอียดว่ามีมิสไซล์ถูกปล่อยออกมากี่ลูก

ฮิโรกาซู มัตสึโน โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ไม่มีรายงานความเสียหายต่ออากาศยานและเรือของญี่ปุ่น เรากำลังวิเคราะห์อยู่ แต่ดูเหมือนจะเป็นวงโคจรปกติ โดยคาดว่าโพรเจ็กไทล์นี้เดินทางไกลประมาณ 500 กิโลเมตร และตกนอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น อยู่ในเขตน่านน้ำสากล

ก่อนหน้านี้ ภายหลังจากการประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางของพรรคแรงงานแห่งเกาหลี (WPK) ซึ่งผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จองอึน ยกย่องแผนการที่จะส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและปรับปรุงชีวิตของผู้คน ท่ามกลางสิ่งที่เขาเรียกว่า “การต่อสู้ชีวิตและความตายที่ยิ่งใหญ่”. ประเทศต้องเผชิญกับการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงจากวอชิงตัน โดยตั้งใจที่จะบังคับให้พวกเขาเลิกใช้อาวุธนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตาม เปียงยางกล่าวว่าพวกเขาต้องการอาวุธเพื่อรับประกันความปลอดภัยจากการโจมตี จนกว่าจะมีสนธิสัญญาสันติภาพถาวรกับสหรัฐฯ และเกาหลีใต้

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ข่าวสร้างความฮือฮาในสังคมออนไลน์เมื่อ มีผู้แปรพักตร์จากเกาหลีเหนือที่หนีไปอยู่เกาหลีใต้  ได้แอบข้ามเขตปลอดทหารที่แยกทั้งสองประเทศ เพื่อเดินทางกลับสู่บ้านเดิมอีกครั้งหลังจากประสบความล้มเหลวในการประกอบอาชีพในประเทศทุนนิยมอย่างเกาหลีใต้ จนบัดนี้ยังไม่มีรายงานว่าเขาผู้นั้นจะมีชะตากรรมเช่นไร!