สรยุทธ-แก๊งโกงจำนำข้าวระทึก! ผู้ตรวจการฯรับเรื่องใหญ่ วินิจฉัยลดโทษฯ แย้ม 7 มกราลุ้นยื่นศาลรธน.!

2342

สรยุทธ-แก๊งโกงจำนำข้าวระทึก! ผู้ตรวจการฯรับเรื่องใหญ่ วินิจฉัยลดโทษฯ แย้ม 7 มกราลุ้นยื่นศาลรธน.!

จากกรณีเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2564  พล.ต.นพ. เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ในฐานะหัวหน้าคณะประชาชน ยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการขอพระราชทานอภัยโทษระหว่างปี 2563-2564 นั้น

ต่อมาวันที่ 18 ธันวาคม 2564 หมอเหรียญทอง ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า “ยังไม่ทันได้รับอนุมัติหลักการจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุน’คณะประชาชน’ ในการแสวงหาข้อเท็จจริงจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการขอพระราชทานอภัยโทษตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 เลย พวกเราก็ได้รายงานเบาะแสมากมาย ทั้งตัวบุคคลและรายละเอียดเกี่ยวกับการประพฤติมิชอบตั้งแต่ต้นทางของกระบวนการขอพระราชทานอภัยโทษกันแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว สัญญาณโมฆะก็เห็นชัดแล้ว เหลือแต่เพียงลำดับขั้นในการดำเนินการทางกฎหมายเพื่อให้ถึงศาลรัฐธรรมนูญจากหลายช่องทางในรูปแบบยุทธวิธี ‘แยกทางกันเดิน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน’

เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พรฎ.หรือกระบวนการต่างๆในการขอพระราชทานอภัยโทษไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นโมฆะแล้ว วันจองจำที่ลดหย่อนไปแล้วในรอบนี้ และรอบก่อนหน้านี้ก็ต้องกลับคืนมา เพราะไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 212 วรรคท้ายครับ (กุนซือใหญ่ระดับบิ๊กหลายท่านแนะนำมา ผมไม่ได้สู้คนเดียวนะครับ ผมมาพร้อมกับพลังแผ่นดินจำนวนมากเพียบพร้อมด้วยสรรพกำลังยิ่งกว่าอำนาจรัฐเสียอีก)

เราจะลำดับความสำคัญเร่งด่วนกรณีนักโทษโกงชาตินะครับ หากเราไปยุ่งกับกรณีนักโทษอื่นๆ อีกมากมายจะทำให้เสียเวลาไม่ทันการณ์ กรณีนักโทษโกงชาติ ไม่ได้มีแค่กรณีจำนำข้าวเท่านั้น ยังมีกรณีอื่นๆ เช่น ธ.กรุงไทย กรณีไม่เก็บภาษี ฯลฯ กรณีกรรมกรข่าว เราก็ตรวจสอบด้วยนะครับ
ช่วงนี้ความกดอากาศต่ำ ทำให้เกิดอากาศหนาวเหน็บกระจายเป็นหย่อมๆ ตามบ้านพักอาศัยของไอ…เหี้…โกงชาติทั้งหลาย ดังนั้นอาจต้องเตรียมตัวกลับเรือนจำอีกรอบนะครับ ที่แล้วมาไม่ใช้แล้วๆไปหรือเลยตามเลยนะครับ…พวกเรากำลังเช็คบิลไอ้เหี้…โกงชาติกันอย่างเต็มที่ …พวกผมเล่นปาหี่ไม่เป็นนะจ๊ะ”
อย่างไรก็ตามทีมข่าวเดอะทรูธ พยายามตรวจสอบบุคคลที่หมอเหรียญทองระบุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กัน ทั้งคดีทุจริตจำนำข้าว และกรณีกรรมกรข่าว ที่น่าจะหมายถึงนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรรายการข่าวชื่อดัง ก็พบประเด็นการพักโทษของนายสรยุธ ซึ่งอธิบดีราชทัณฑ์ ได้ชี้แจงไว้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 ถูกต้องตามระเบียบทุกอย่าง ได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2563 ทั้ง 2 รอบ และได้รับการปล่อยตัวพักการลงโทษ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว

ขณะที่แหล่งข่าวจากกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ภายหลังมีพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ ในวันที่ 28 ก.ค. นายสรยุทธ เข้าเงื่อนไขการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ จึงได้รับการติดกำไลอีเอ็ม เป็นเวลา 14 เดือน และต้องรายงานตัวจนกว่าจะพ้นโทษคือ วันที่ 26 ก.ค.66 ก็มีผลให้พ้นโทษ และได้รับการปลดกำไลอีเอ็ม หลังพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2564 ด้วย

ด้านนายบุญทรง เตริยาภิรมย์  อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มคดีทุจริตจำนำข้าว ก็พบว่าเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ศาลพิพากษา ปี 2560 กำหนดโทษ 48 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษ ปี 2564 ในรอบแรก เหลือวันต้องโทษจำคุก 16 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษ ปี 2564 ในรอบสอง เหลือวันต้องโทษ 10 ปี จะพ้นโทษ 21 เมษายน 2571

ล่าสุดวันนี้ นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยาโพสต์เฟซบุ๊กถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าว โดยระบุข้อความว่า ความคืบหน้าเรื่องผู้ตรวจการแผ่นดิน

เรื่องที่คุณหมอเหรียญทอง แน่นหนา ไปยื่นเรื่องกับผู้ตรวจการแผ่นดินและผมได้ไปร่วมด้วย วันนี้ได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ บอกว่าเรื่องนี้สำคัญเป็นที่สนใจของสังคม วันศุกร์นี้คงมีความคืบหน้าอีกระดับหนึ่งให้ผมได้ประสานไปอีกที
หวังว่าผู้ตรวจการคงเห็นใจในข้อห่วงใยเรื่องพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษและส่งศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความเพื่อความยุติธรรมและความถูกต้องนะครับ
โดยทาง หมอเหรียญทอง ได้โพสต์เนื้อหาในหนังสือ เรื่อง ข้อเสนอขอให้คณะกรรมการตรวจสอบการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการอภัยโทษแก่นักโทษทุจริตประพฤติมิชอบที่เป็นการขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560

1. ขอให้คณะกรรมการฯ เสนอต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เพื่อกรุณาออกคำสั่งให้กระทรวงยุติธรรมชะลอการดำเนินการบริหารโทษที่เกี่ยวกับการอภัยโทษให้แก่นักโทษทุจริตประพฤติมิชอบ(ไม่จำเพาะเจาะจงกับนักโทษในคดีทุจริตจำนำข้าวที่สร้างความเสียหายต่อชาติอย่างใหญ่หลวงเท่านั้น แต่หมายรวมถึงนักโทษทุจริตประพฤติมิชอบคดีอื่นๆด้วย) เพราะยังเป็นประเด็นปัญหาว่าขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีการวินิจฉัยว่ากระบวนการอภัยโทษให้แก่นักโทษทุจริตประพฤติมิชอบนั้นเป็นการขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 หรือไม่ ทั้งนี้เพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 อันเป็นกฎหมายสูงสุดจนยากแก่การแก้ไข เพราะหากปล่อยให้มีการอภัยโทษแก่นักโทษทุจริตประพฤติมิชอบจนมีการปล่อยตัวนักโทษหรือลดหย่อนผ่อนโทษไปแล้วจะยากต่อการแก้ไขที่อาจเรียกคืนกลับมาไม่ได้
หากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษฯ กฎหมาย กฎกระทรวง หรือข้อบังคับ หรือการกระทำใดของกระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนบุคคลและคณะบุคคลที่กระทำการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญจนทำให้นักโทษที่ได้รับการอภัยโทษ ลดโทษไปด้วยผลของการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแล้ว ย่อมสมควรมีคำสั่งให้หน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้องชอบธรรมด้วย ทั้งนี้กระผมและคณะเห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในกรณีนี้ไม่ต้องด้วยรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มาตรา 212 วรรคท้าย จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยด้วยว่าให้การกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญนั้นเป็นโมฆะและให้มีผลย้อนหลัง
2. ขอให้คณะกรรมการฯ เสนอต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนให้มี ‘คณะกรรมการประชาชน’ เพื่อการตรวจสอบการดำเนินการอภัยโทษแก่นักโทษทุจริตประพฤติมิชอบทุกคดี ทั้งให้‘คณะกรรมการประชาชน’ ได้มีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ และกลไกในกระบวนการพิจารณานักโทษทุจริตประพฤติมิชอบให้เป็นไปด้วยความโปร่งใส เชื่อถือได้ว่านักโทษทุจริตประพฤติมิชอบเหล่านี้ไม่ได้รับการช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษจากผู้มีอำนาจรัฐอันเป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำแก่นักโทษคดีอื่นๆ ทั้งยังเป็นการประพฤติมิชอบโดยผู้มีอำนาจและเจ้าหน้าที่รัฐ และจะกลายเป็นการที่รัฐไม่ส่งเสริม ไม่ป้องกัน และไม่ขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างเข้มงวดเสียเอง การร้องขอให้รัฐมี ‘คณะกรรมการประชาชน’ เพื่อการตรวจสอบการดำเนินการอภัยโทษแก่นักโทษทุจริตประพฤติมิชอบนี้ จึงเป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา 63 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560