กระแสข่าวล่าสุดฉายภาพว่า ประธานาธิบดีรัสเซียและสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับข้อเสนอของยูเครนและมอสโกในการค้ำประกันความปลอดภัยในยุโรป ซึ่งเรื่องที่อยู่สนใจของนานาชาติคือการประชุมครั้งล่าสุดของปูติน-ไบเดนเมื่อปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้วคือเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น
ก่อนหน้านี้ปูตินกำหนดเป้าหมายสิ้นสุดการเจรจากับสหรัฐฯ และ NATO ไว้ชัดเจนแล้วเพราะ ไม่แน่ใจว่า สหรัฐและนาโตจะยังคงเหมือนเดิมคือ หน้าซื่อใจคดไม่เปลี่ยนแปลง ในงานแถลงข่าวประจำปีปธน.ปูตินบอกนาโตว่า พวกเขาสามารถ ‘ลงนรกได้’ถ้าคิดจะปะทะกับรัสเซีย ทั้งนี้ปูตินปฏิเสธความกลัวของชาวตะวันตกเกี่ยวกับการรุกรานเพื่อนบ้านที่ใกล้เข้ามาโดยชี้ว่ามอสโกต้องการความมั่นใจว่าจะไม่ถูกรุกรานและโจมตีจากสหรัฐและนาโต และตอกย้ำว่า ‘รัสเซียมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม’ เพื่อปกป้องตัวเอง
ปูตินได้เตือนไบเดนก่อนหน้าจะมีการประชุมว่า ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-รัสเซียจะ‘พังทลายโดยสิ้นเชิง’ หากสหรัฐเดินหน้าคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่กับรัสเซียอย่างไม่เป็นธรรม เพราะรัสเซียจะไม่ถอยและสงครามครั้งสุดท้ายระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียจะสร้างความพินาศกับทั้งสองประเทศและโลกอย่างไม่อาจคาดเดา ฉะนั้นจึงขอให้สหรัฐตรึกตรองให้ดีว่า พร้อมจะปะทะกับรัสเซียแล้วจริงหรือ
ดูเหมือนวอชิงตันจะมีท่าทีอ่อนลง แสดงการยอมรับข้อกังวลด้านความปลอดภัยบางอย่างของมอสโกแล้ว แต่สถานการณ์ยังคงตึงเครียดเพราะนาโตยังแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อรัสเซีย อีกทั้งรัฐสภาสหรัฐลงมติหนุนยูเครนอ้างเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยอย่างสุดลิ่ม เช่นนี้มีหรือปูตินจะมองไม่ออก
วันที่ 1 ม.ค.2564 สำนักข่าวทาซซ์ และรัสเซียทูเดย์รายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียได้บอกกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐและแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ว่า การนำมาตรการคว่ำบาตรที่ “ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” ครั้งใหม่ที่สหรัฐขู่ไว้อาจนำไปสู่การแตกร้าวของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองอย่างไม่อาจถอนคืน
ประธานาธิบดีกล่าวในการประชุมทางโทรศัพท์เมื่อวันพฤหัสบดี ท่ามกลางความตึงเครียดอย่างต่อเนื่องระหว่างมอสโกวและตะวันตกเกี่ยวกับยูเครน สหรัฐฯ และพันธมิตรที่ส่งเสียงเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะรุกรานเพื่อนบ้าน โดยอ้างว่ามีกองกำลังสะสมอยู่ภายในพรมแดนของประเทศ เรื่องนี้เครมลินปฏิเสธว่าไม่มีมูลความจริง โดยยืนกรานว่าไม่มีเจตนาใด ๆ ที่จะโจมตีอดีตสาธารณรัฐโซเวียตรัสเซียหรือยูเครนแต่อย่างใด หากสหรัฐและนาโตไม่เคลื่อนไหวทางทหารอย่างผิดสังเกต และผิดสัญญาในการหนุนยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต เรื่องโกหกนี้อาจกลายเป็นจริง
เห็นได้ชัดว่าไบเดนเพิ่มข้อกล่าวหาเป็นสองเท่า และขู่ว่าจะบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรในวงกว้างโดยมุ่งเป้าไปที่การทำลายเศรษฐกิจของรัสเซีย ภาคการเงิน และอุตสาหกรรมการทหารของรัสเซีย
ยูริ อูชาคอฟ(Yury Ushakov) ผู้ช่วยเครมลิน สรุปว่า “จะต้องมีสถานการณ์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นตามแนวชายแดนยูเครนอย่างแน่นอน หากวอชิงตันดำเนินการคุกคามไม่เลิก และก็ควรเตรียมพร้อมสำหรับการล่มสลายของความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับมอสโกวที่แย่อยู่แล้ว”
อูชาคอฟกล่าวเสริมว่า“หากชาติตะวันตกตัดสินใจที่จะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนภายใต้ข้ออ้างใดๆก็ตาม มันจะนำไปสู่การพังทลายของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเราได้อย่างสมบูรณ์ และจะกระทบต่อความสัมพันธ์รัสเซีย-ตะวันตกในภาพรวมอย่างร้ายแรง และการคว่ำบาตรรอบใหม่ของสหรัฐฯ จะเป็น“ความผิดพลาดครั้งใหญ่”ที่ควรหลีกเลี่ยงในทุกกรณี ซึ่งควรคำนึงถึงคนรุ่นหลังด้วย
ในระหว่างการพูดคุย 50 นาที ปูตินได้สรุปหลักการสำคัญของข้อกำหนดด้านความมั่นคงของรัสเซียอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะยุติการขยายตัวทางทิศตะวันออกของ NATO มีรายงานว่าผู้นำรัสเซียเน้นย้ำว่าข้อตกลงใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับตะวันตกควรรวมถึงหลักประกันที่มีผลผูกพันทางกฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยของรัสเซีย
ฝ่ายบริหารของไบเดนปฏิเสธที่จะยืนยันว่าผู้นำสหรัฐฯ ได้ให้คำมั่นสัญญาใดๆ ระหว่างการสนทนากับปูติน เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวหลังจากการสนทนาจบลงไม่นาน “เราจะไม่สรุปผล และแน่นอนว่าไม่มีการประกาศเจตนาจากการสนทนานี้อย่างแน่นอน”
เครมลินเปิดเผยว่าการเจรจาเรื่องความมั่นคงจะจัดขึ้นในสามรูปแบบ: ระหว่างมอสโกวและวอชิงตันในเจนีวา ที่ระดับรัสเซีย-นาโตในกรุงบรัสเซลส์ และที่องค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรปในกรุงเวียนนา การประชุมทวิภาคีจะเริ่มในวันที่ 9 มกราคม 2565