จีนฉะสหรัฐ-อียู!!แส่ฮ่องกงเล่นงานสื่อปลุกระดมต้านรัฐ แทรกแซงปท.อื่นไม่ดูตัวเอง

1228

ฮ่องกงตั้งข้อหา บก.และอดีต บก.ของ “สแตนด์นิวส์” สื่ออิสระฮ่องกงหนุนแยกประเทศอ้างประชาธิปไตย ซึ่งปิดตัวลงแล้ว ฐานคบคิดเผยแพร่เนื้อหาปลุกระดมต่อต้านรัฐ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 ธ.ค.2564 ขณะรัฐบาลจีนโต้สหรัฐ-อียู-แคนาดาอ้างเสรีภาพสื่อบังหน้าวิจารณ์การบังคับใช้กฎหมายของฮ่องกง “แบบไม่รับผิดชอบ” ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของฮ่องกงอย่างชัดเจน

เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2564 สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกงกว่า 200 คนนำกำลังบุกสำนักงานของสแตนด์นิวส์ โดยตำรวจฮ่องกงตั้งข้อหาหนัก ‘เผยแพร่เนื้อหาปลุกระดม’ สองนักข่าว ‘สแตนด์ นิวส์’(Stand News)

โดยจับกุมบรรณาธิการ, อดีตบรรณาธิการ และอดีตคณะกรรมการบริหาร รวม 7 คน ถูกจับกุม เจ้าหน้าที่ยังยึดโทรศัพท์, คอมพิวเตอร์, เอกสารและเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง ในข้อหาสมรู้ร่วมคิด เพื่อเผยแพร่สื่อสิ่งพิมพ์ที่ยุยงปลุกปั่น

ขณะที่ สนข.รอยเตอร์ส รายงานว่า สแตนด์ นิวส์ ได้รับการก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2557 ในฐานะสำนักข่าวที่ไม่แสวงหาผลกำไร และเป็นสำนักข่าวหลักที่ยังคงสนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกง หลัง นสพ.แอปเปิล เดลีของ นายจิมมี ไหล ที่ถูกตัดสิคุก ประกาศปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นปี 2564 ในข้อหาฝ่าฝืนกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ

ก่อนหน้านี้ อัยการฮ่องกง ได้ยื่นฟ้องข้อหาผลิตสื่อสิ่งพิ่มพ์ยุยงปลุกปั่นเพิ่มอีก 1 ข้อหา ต่อนายจิมมี ไหล และอดีตพนักงานของแอปเปิล เดลี อีก 6 คน อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าทีตำรวจฮ่องกงไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่า บทความใดของแอปเปิล เดลี หรือสแตนด์ นิวส์ ที่เข้าข่ายยุยงปลุกปั่น 

อัยการฮ่องกงได้ตั้งข้อหาแพทริก แลม รักษาการบรรณาธิการที่โดนจับกุม ชุง พุยกวน อดีตบรรณาธิการ และกรรมการบริษัทแม่ของสแตนด์นิวส์ ฐานคบคิด “ร่วมกันและร่วมกับบุคคลอื่นๆ เผยแพร่และ/หรือทำซ้ำสิ่งพิมพ์ปลุกระดม”

ข้อกล่าวหาตามเอกสารของศาลกล่าวถึงการกระทำผิดของพวกเขาว่า รวมถึงการส่งเสริมความเกลียดชัง หรือดูหมิ่น หรือกระตุ้นให้เกิดความไม่พอใจต่อรัฐบาล และยุยงให้บุคคลใช้ความรุนแรง

ด้านสำนักงานประสานงานของรัฐบาลจีนในฮ่องกงกล่าวถึงการจับกุมบุคคลเหล่านี้ว่า เป็นกระบวนการยุติธรรม ที่คนร้ายละเมิดกฎหมายควรได้รับสิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเสรีภาพของสื่อ และย้ำว่า สแตนด์นิวส์ยุยงส่งเสริมการแบ่งแยกดินแดน

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศจีนในกรุงปักกิ่งตอบโต้รัฐบาลสหรัฐ, แคนาดา และสหภาพยุโรป ที่ประณามการบุกค้นจับกุมและปราบปรามเสรีภาพสื่อในฮ่องกง โดยจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวง แถลงตอบโต้ในวันเดียวกันว่า พลังจากภายนอกวิจารณ์การบังคับใช้กฎหมายในฮ่องกงอย่าง “ไม่รับผิดชอบ” โดยอ้างเสรีภาพสื่อบังหน้า “แต่เสรีภาพสื่อและเสรีภาพในการแสดงความคิดไม่สามารถเป็นเกราะป้องกันการทำผิดกฎหมายอาญาได้”

รัฐบาลจีนยังได้คว่ำบาตรพลเมืองอเมริกัน 5 คน โดยอายัดทรัพย์สินของพวกเขาในจีน และห้ามพลเมืองและองค์กรของจีนเกี่ยวข้องกับคนเหล่านี้ เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐวิจารณ์เรื่องเสรีภาพที่เสื่อมถอยในฮ่องกง

ก่อนหน้านั้น แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า การบุกค้นและการปราบปรามเสรีภาพสื่อโดยจีนและทางการท้องถิ่นบั่นทอนความน่าเชื่อถือและความอยู่รอดของฮ่องกง

แคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ตอบเสียงวิจารณ์ของบลิงเคนว่า เธอเห็นด้วยว่าการสื่อสารมวลชนไม่ใช่การปลุกระดม แต่พฤติกรรมปลุกระดมต่อต้านรัฐไม่อาจให้อภัยได้ภายใต้ฉากบังหน้าของการรายงานข่าว การบังคับใช้กฎหมายไม่ใช่การคุกคามและกดขี่ข่มเหงต่อสื่อมวลชน แต่เป็นการยับยั้งและป้องปรามกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีที่อาศัยการทำงานของสื่อมวลชน เพื่อการปลุกระดมทางการเมือง และการเรียกร้องของบุคคลบางกลุ่มให้ปล่อยตัวผู้กระทำความผิด ณ เวลานี้ “เป็นการแทรกแซงกิจการภายใน”

ล่าสุดฮ่องกงกำลังเตรียมที่จะปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติเพื่อปกป้องเมืองเพิ่มเติมจากการแทรกแซงจากต่างประเทศ