คนไทยไม่เอาด้วย! ฟาดเพื่อไทย แถลงการณ์โจมตีรบ.-เอาใจนายใหญ่ แฉ ส.ส.ในพรรครู้ทัน หนีออกหมดแล้ว!
จากกรณีที่วันนี้ (25 ธันวาคม 2564) ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค, นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. เขตลาดกระบัง และโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลง สรุปสถานการณ์การเมือง ปี 2564 และทิศทางการทำงานของพรรคเพื่อไทย ปี 2565
โดยนพ.ชลน่าน ได้อ่านแถลงการณ์ “ก้าวข้ามฝันร้ายและคราบน้ำตา 2564 สู่ความหวังและชีวิตใหม่ 2565” มีเนื้อหาบางส่วนระบุว่า ความล้มเหลวผิดพลาดบกพร่องซ้ำซากของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตลอดปี 2564 ทำให้ชีวิตและลมหายใจของประชาชนตกอยู่ภายใต้วิกฤตที่หนักหนาสาหัสที่สุดในประวัติศาสตร์ รัฐบาลไร้ศักยภาพ ประมาท และหละหลวม ขาดความรู้ความเข้าใจและไม่รับฟังเสียงประชาชน ประเมินสถานการณ์ โควิด-19 ผิดพลาด นำมาซึ่งการบริหารจัดการที่ล้มเหลว จนโรคแพร่ระบาดขยายวงกว้าง ระบบสาธารณสุขประเทศล่มสลาย ทำลายชีวิตผู้คน คนไทยต้องตายคาบ้าน ตายกลางถนน ตายข้างถนน ไม่มีแม้โอกาสได้เข้าสู่ระบบการรักษาตามสิทธิที่พึงมี อีกทั้งยังยกระดับวิกฤตสุขภาพสู่วิกฤตเศรษฐกิจ สร้างภาระให้ประชาชน เศรษฐกิจหยุดชะงัก ประชาชนต้องตกงาน ขาดรายได้ สิ้นเนื้อประดาตัวอดอยาก จนประเทศต้องตกอยู่ในห้วงของฝันร้ายกลียุค
ส่วนการระบาดใหม่ของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน รัฐบาลยังคงมีวิธีคิดราวกับว่าชีวิตและลมหายใจประชาชนเป็นของเล่น สบประมาทโควิดกระจอก กำลังจะพาพี่น้องประชาชนต้องไปเผชิญชะตากรรม และจมอยู่กับวิกฤตเศรษฐกิจไม่รู้จบ นอกจากนั้นที่ผ่านมารัฐบาลผลาญงบประมาณแผ่นดินมหาศาลไปกับการเยียวยาฟื้นฟูที่ไม่มีประสิทธิภาพ แฝงการเอื้อประโยชน์พวกพ้องและส่อว่าอาจจะหาประโยชน์ทางการเมือง เงินกู้มหาศาลถูกใช้จ่ายไปอย่างไร้ค่า ทิ้งไว้เพียงภาระหนี้สิน อย่างไรก็ตามความรุนแรงจากวิกฤตโรคระบาดร้ายแรงไม่น้อยกว่าความรุนแรงจากรัฐคลั่งอำนาจ ตลอดปี 2564 มีการใช้อำนาจและกฎหมายที่บิดเบือน กลั่นแกล้ง คุกคามประชาชนอย่างรุนแรง เนื่องจากจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ยึดโยงกับประชาชน
ล่าสุดทางด้าน นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง พรรคเพื่อไทยขอของขวัญปีใหม่คือให้นายกฯลาออก และออกแถลงการณ์ ทวงคืนอำนาจประชาชน เปลี่ยนรัฐบาลประยุทธ์ โดยนายเสกสกล ระบุว่านายกฯมาถูกต้องตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ผ่านกระบวนการเลือกตั้งมาจากประชาชน และจะต้องบริหารบ้านเมือง อยู่จนครบเทอม 4 ปี
อีกทั้งที่ผ่านมานายกฯได้ทำงานแก้ไขปัญหา พัฒนาประเทศมาตลอด รวมถึงการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 แม้จะมีความยากลำบากแต่นายกฯและรัฐบาลได้แก้ไขปัญหาจนสถานการณ์คลี่คลายลง ผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิตลดลง ซึ่งทำควบคู่ไปกับการเยียวยาประชาชน จนทำให้เป็นที่น่าพอใจ เห็นได้จากผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนส่วนใหญ่ ยังเชื่อมั่นในตัวนายกฯอยู่ อยากให้นายกฯบริหารงานต่อ ดังนั้น ขอให้พรรคเพื่อไทยมองรอบด้านมากกว่านี้ อย่าพูดเอาแต่ตัวเองหรือพรรคตัวเองเท่านั้น
นายเสกสกล กล่าวต่อว่า และที่พรรคเพื่อไทยบอกว่าจะขอเป็นความหวังให้กับคนไทยทุกคนนั้น ตนมองว่าพรรคเพื่อไทยจะเอาความหวังอะไรไปให้ประชาชน เพราะไม่เคยคิดที่จะทำอะไรให้เป็นประโยชน์กับประชาชนเลย ยกเว้นนายใหญ่ 2 คนที่หลบหนีคดีไปเสวยสุขในต่างประเทศ นอกจากนี้วันๆมีแต่กล่าวหาโจมตี คนอื่นที่ทุ่มเทตั้งใจทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ได้แต่เอาความคิดที่มีอคติของตนเอง ออกมาพูดมากจนอาจสร้างกระแสความแตกแยกมากกว่า แทนที่จะช่วยกันพูดให้บ้านเมืองเกิดความรัก สามัคคีปรองดองของคนในชาติ
“ผมมองว่าสิ่งที่คนไทยอยากได้เป็นของขวัญปีใหม่มากกว่าคือ นายกฯอยู่ต่อจนครบเทอม และกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย สำนักโพลทุกสำนักประชาชนส่วนใหญ่ยังต้องการให้พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวและว่า พรรคเพื่อไทยควรหยุดเคลื่อนไหวกล่าวหา โจมตีนายกฯและรัฐบาล และหยุดช่วยเหลือนายทักษิณ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ต้องหาที่หลบหนีคดีไปเสวยสุขในต่างประเทศ เอาเวลาไปให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ในฐานะส.ส.ผู้แทนของประชาชน ไม่ใช่ของนายใหญ่และนายหญิง
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่าขณะเดียวกันคนไทยส่วนใหญ่ จำนวนมากกว่า คงไม่อยากให้นายกฯลาออกแน่นอน แต่ที่อยากได้ของขวัญปีใหม่มากที่สุดคือ อยากให้นายทักษิณ และนางสาวยิ่งลักษณ์ หยุดพูดมาก หยุดเคลื่อนไหวได้แล้ว ซึ่งตนเองมองว่าคนที่มีสถานะหลบหนีคดีไม่ควรออกมาเชิดหน้าชูตาให้คนในประเทศได้เห็น ประชาชนเขารู้ทัน เขาไม่เอาด้วย
“หากอยากกลับประเทศจริงๆให้มาตามกระบวนการของกฎหมาย มารับโทษ อย่ารอปาฏิหาริย์นั่งเทียนคิดเอาเองว่า คนของพรรคเพื่อไทยจะช่วยได้ เพราะพรรคเพื่อไทยยังเอาตัวไม่รอด มีปัญหาในพรรคมากมาย อีกหน่อย ส.ส.ในพรรคก็จะไหลออกหมดแล้ว คงไม่เหลือคนที่มีคุณภาพอยู่ในพรรค เพราะจุดยืนอุดมการณ์ไม่ได้ยึดมั่นเพื่อประชาชนจริง แต่เพื่อนายใหญ่ นายหญิงและเพื่อคนในครอบครัวตระกูลเดียว มีคนไทยคนไหนที่ไม่รู้ทันพรรคเพื่อไทย ดังเช่นนี้บ้าง” นายเสกสกล กล่าว
