จากกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้ร่วมงานเสวนาออนไลน์ จัดโดยสมาคมทะเล และได้พูดในหัวข้อ ประเทศกำลัง (ห้าม) พัฒนา โดยมีใจความ ระบุถึงการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย และได้กล่าวด้วยว่า ยิ่งเวลาเคลื่อนคล้อยไปข้างหน้า คนรุ่นผมจะกลายเป็นระดับนำ พนักงานจะขึ้นเป็นผู้บริหาร นักศึกษาจะกลายเป็นพนักงาน นักเรียนจะขึ้นเป็นนักศึกษา พลังแห่งการเวลา จะพัดพาให้ความคิดแบบเก่า ตกหายไปเป็นทอด ๆ เวลาอยู่ข้างเรา
นอกจากนี้ในเพจเฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit – ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยังได้โพสต์ข้อความสรุปไว้ดังนี้ด้วยว่า “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้รับเชิญให้ร่วมเป็น keynote speaker ในงานเสวนาออนไลน์ “ประเทศกำลัง (ห้าม) พัฒนา จัดโดยสมาคมทะเล ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของคนไทยในยุโรป ที่ปรารถนาเห็นประเทศไทยมีความเป็นประชาธิปไตย มีความเสมอภาค และได้รับการพัฒาอย่างนานาอารยะประเทศ
ธนาธร พาเราไปย้อนดูสิบปีการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ผ่านมา ว่าห่างไกลเพียงใดจากมาตรฐานโลก แม้กระทั่งเมื่อเทียบกับการพัฒนาในประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ พร้อมฉายภาพให้เห็นว่า “การเมือง” เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องอย่างแยกไม่ออกเพียงใด กับการหยุดนิ่งไม่พัฒนาของประเทศไทย และสุดท้าย ธนาธรได้ร่วมตอบคำถามสำคัญที่มีผู้ถามเข้ามาในรายการ นั่นคือเราจะยังมีความหวังได้อยู่หรือไม่ กับสภาพบ้านเมืองที่มีอยู่ตอนนี้
ซึ่งธนาธรก็ได้ยืนยันว่า “มี” และนี่คือยุคที่มีความหวังมากที่สุดแล้ว สำหรับการเปลี่ยนให้ประเทศไทยดีกว่านี้ได้”
ขณะที่ในทวิตเตอร์ของ “ส.ส.เจี๊ยบ ก้าวไกล” ได้โพสต์ถึงนายธนาธร ที่พูดเรื่องพลังแห่งการเวลา ทำให้มีกองเชียร์พรรคก้าวไกลเข้ามาชื่นชม และบอกว่าเป็นแนวคิดที่ดี แต่ก็พบว่ามีหลายคอมเม้นต์ย้อมถามถึงประเด็นการเลือกตั้ง ว่าถ้าอยากเปลี่ยนประเทศ ต้องชนะเลือกตั้ง และครั้งหน้าก็ควรให้ พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย มาเป็นฝ่ายค้านให้ได้ หรือจะทำยังไงก็ได้ที่ส่งเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ให้ตัดคะแนนชัชชาติ แบบนั้นถึงจะมีหวังเปลี่ยนประเทศ ขณะที่บางคนทอดใจ บอกว่าไม่อยากรออีกแล้ว