สยบพวกเสี้ยม!!ศาลเวียดนามสั่งจำคุก นักข่าวจอมปั่นชื่อดัง 9 ปี ฐานทำกิจกรรมต่อต้านรัฐ

1231

ศาลเวียดนามตัดสินจำคุกนักข่าวชื่อดังเป็นเวลา 9 ปี จากการพิพากษ์วิจารณ์ เขียนบทความ และจัดกิจกรรมต่อต้านรัฐอย่างต่อเนื่อง เป็นหนามยอกอกของรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามมาช้านาน  เนื่องจากเอาการเอางานอย่างยิ่งในการรายงานเกี่ยวกับประเด็นที่เป็นข้อขัดแย้งของรัฐบาล  รวมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชนของสหรัฐและชาติตะวันตกสม่ำเสมอ

เมื่อวันที่ 14 ธ.คง 2564 สำนักข่าวเรดิโอฟรีเอเชียและรอยเตอร์ รายงานว่า สื่อของรัฐบาลเวียดนามเปิดผลพิจารณาคดีที่ดึงดูดความสนใจจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ โดยรายงานระบุว่า ฝ่าม ดวาน ตรัง(Pham Doan Trang)ถูกศาลฮานอยตัดสินจำคุก 9 ปีความผิดฐานโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านรัฐต่อเนื่อง

เธอถูกจับกุมตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค. 2020 ข้อหาตามมาตรา 88 แห่งประมวลกฎหมายอาญาของเวียดนามปี 1999 ฐานเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อต่อต้านรัฐตามคำฟ้องที่เปิดเผยต่อสาธารณะ

คำฟ้องต่อตรังกล่าวหาว่าเธอพูดคุยกับสื่อต่างประเทศ 2 แห่ง ได้แก่ Radio Free Asia และ BBC:British Broadcasting Corporation “หมิ่นประมาทรัฐบาลเวียดนามและสร้างข่าวเท็จ”

แม้เวียดนามจะดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง และเปิดกว้างต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมมากขึ้น แต่พรรคคอมมิวนิสต์ที่ปกครองประเทศยังคงเซ็นเซอร์สื่ออย่างเข้มงวดและไม่ค่อยอดทนต่อการวิพากษ์วิจารณ์จากใคร

ดัง ดินห์ มันห์(Dang Dinh Manh)หนึ่งในทีมทนายความกล่าวว่า “มันเป็นโทษจำคุกที่ยาวนาน เกือบเท่ากับโทษสูงสุดสำหรับกิจกรรมดังกล่าวผู้พิพากษายืนยันว่ากิจกรรมของจางเป็นอันตรายต่อสังคมและต่อการบริหาร”  จางไม่ได้สารภาพผิดในการพิจารณาคดี และพวกเขาจะพบกันในภายหลังเพื่อหารือถึงการสู้คดีในชั้นอุทธรณ์

จาง อายุ 43 ปี ถูกควบคุมตัวไม่กี่ชั่วโมงหลังการประชุมสิทธิมนุษยชนประจำปีระหว่างสหรัฐฯ-เวียดนามในเดือน ต.ค.2563 การจับกุมที่สถานทูตสหรัฐฯ ทางสถานทูตกล่าวว่าส่งผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงออก

ก่อนการพิจารณาคดี ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอทช์ ภูมิภาคเอเชีย (Phil Robertson, deputy Asia director at Human Rights Watch) กล่าวว่า คำตัดสินดังกล่าวเป็นการตอบโต้ที่รุนแรงต่อการสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออกและสิทธิมนุษยชน

โรเบิร์ตสัน กล่าว“จากการดำเนินคดีกับเธอ เจ้าหน้าที่เวียดนามได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาหวาดกลัวเสียงวิพากษ์วิจารณ์เพียงใด”

ในเดือน พ.ค.2559 ตำรวจควบคุมตัวและขัดขวางจาง จากการเข้าร่วมการประชุมกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ที่ได้เชิญเธอเข้าร่วมการประชุมนักเคลื่อนไหว และ 2 ปีต่อมา เธอถูกควบคุมตัวอีกครั้งหลังการประชุมกับคณะผู้แทนยุโรปที่กำลังเตรียมการจัดการประชุมสิทธิมนุษยชนประจำปีระหว่างสหภาพยุโรปและเวียดนาม

มีการจับกุมนักข่าวอิสระ ผู้จัดพิมพ์ และบุคคลในเฟซบุ๊กจำนวนมาก ขณะที่ทางการยังคงระงับการวิพากษ์วิจารณ์ ในช่วงใกล้ถึงการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามในเดือนมกราคม 2565

เน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวว่า “เราทราบเช่นกันว่าความคิดเห็นล่าสุดของคณะทำงานสหประชาชาติเกี่ยวกับการกักขังตามอำเภอใจ ซึ่งพบว่าการควบคุมตัวตรังเป็นไปโดยพลการ และขัดต่อพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศของเวียดนาม” “สหรัฐฯ เรียกร้องให้รัฐบาลเวียดนามปล่อยตัวตรัง ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากลสำหรับการทำงานของเธอเพื่อพัฒนาสิทธิมนุษยชนและธรรมาภิบาลในเวียดนาม เพื่อให้ทุกคนในเวียดนามแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระและไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตอบโต้”