ไล่บี้ยกแผง! “วัชระ” ยื่นป.ป.ช.สอบ “สมศักดิ์” ส่อผิดจริยธรรม ลดโทษให้คดีโกงชาติ

1338

หลังจากที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กรณีกระแสที่ถูกกดดันให้ลาออกหลังเสนอการลดโทษผู้ต้องขังคดีทุจริต ว่าการเมืองก็เป็นแบบนี้เวลาที่เราทำอะไรที่ดูดีมีราคา

ขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้ตั้งคณะกรรมการศึกษาเรื่องนี้แล้ว และตนไม่อยากให้สัมภาษณ์ก่อน เพราะจะเกิดความสับสนในรายละเอียด เพราะเรื่องพระราชกฤษฎีกามีรายละเอียดมากและหลายขั้นตอน อีกทั้งตนไม่มีพื้นทางกฎหมาย พูดไปจะทำให้เกิดความสับสน

เมื่อถามว่าครั้งนี้โดนการเมืองเล่นงานหรือเปล่า นายสมศักดิ์ได้ยกมือ 2 ข้างขึ้นมาโบกปฏิเสธ พร้อมกล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่า มีกระแสข่าวว่าการเสนอการลดโทษครั้งนี้มีการพูดคุยกับคนแดนไกลและพรรคเพื่อไทย นายสมศักดิ์กล่าวว่า ผมเป็นคนตรงไปตรงมา เรื่องแบบนี้ต้องทำอะไรที่ตรงไปตรงมา


ล่าสุดทางด้านนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ทำเรื่องยื่นหนังสือผ่านนายพิศิษฐ์ พัฒนกิจจำรูญ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวน ถึง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เสนอลดโทษชั้นเยี่ยมให้นักโทษคดีทุจริตจำนำข้าวว่าผิดกฎหมายอื่นใดหรือผิดจริยธรรมหรือไม่ โดยทั้ง 2 คนใช้กลไกทางกฎหมายตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ดำเนินการบริหารโทษ (ลดโทษ) กับบุคคลที่ได้รับการลงโทษตามคำพิพากษาคดีทุจริตโครงการจำนำข้าวคือ นายภูมิ สาระผล จากโทษจำคุก 36 ปี ล่าสุดเหลือวันต้องโทษ 8 ปี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ กำหนดโทษจำคุก 48 ปี ล่าสุดเหลือวันต้องโทษ 10 ปี นายมนัส สร้อยพลอย กำหนดโทษจำคุก 40 ปี ล่าสุดเหลือวันต้องโทษ 8 ปี และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร (เสี่ยเปี๋ยง) กำหนดโทษ 48 ปี ล่าสุด เหลือวันต้องโทษ 6 ปี 3 เดือน ตามที่เป็นข่าวดังและกำลังถูกกระแสสังคมต่อต้านอย่างหนักอยู่ในขณะนี้

“การกระทำของนายสมศักดิ์ และนายอายุตม์ ส่อว่าผิดจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและหรือกฎหมายอื่นใด และหรือจริยธรรมของข้าราชการหรือไม่ เนื่องจากเป็นที่สงสัยค้างคาหัวใจของประชาชนผู้รักความยุติธรรมทั้งประเทศ กระทบกระเทือนต่อหลักนิติรัฐ นิติธรรมและกระบวนการยุติธรรมทั้งประเทศ จึงขอให้สำนักงานป.ป.ช. เร่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อพิจารณาสอบสวนว่าเป็นการกระทำที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนผิดกฎหมายอื่นใดหรือไม่ และส่อว่าผิดจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีข้อต่าง ๆ ต่อไปนี้หรือไม่”

อาจผิด ข้อ 6 ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน

ข้อ 7 ต้องถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน

ข้อ 12 ยึดมั่นหลักนิติธรรม และประพฤติตนอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีของประชาชน

ข้อ 13 ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยุติธรรม เป็นอิสระ เป็นกลาง และปราศจากอคติโดยไม่หวั่นไหวต่ออิทธิพล กระแสสังคม หรือแรงกดดันอันมิชอบด้วยกฎหมาย โดยคำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ทั้งนี้ตามความเหมาะสมแห่งสถานภาพ

ข้อ 17 ไม่กระทําการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดํารงตําแหน่ง

ข้อ 21 ปฏิบัติหน้าที่ราชการอย่างเต็มกําลังความสามารถ และยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรม โปร่งใสและตรวจสอบได้ และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการ โดยคํานึงถึงผลประโยชน์ของชาติ และความผาสุกของประชาชนโดยรวม

ที่ผ่านมาในสมัยที่พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา เป็นรมว.ยุติธรรม เคยมีนโยบายว่าไม่ลดโทษให้กับคดีทุจริต แต่ในยุคนี้เพราะเหตุใดกระทรวงยุติธรรมจึงเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ในทางที่เป็นคุณต่อนักโทษคดีทุจริตคอร์รัปชั่น ทั้งๆ ที่สวนทางกับนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นอย่างสิ้นเชิง ตนเป็นอดีต ส.ส. 2 สมัยได้รู้จักนักการเมืองที่ถูกจำคุกทุกคน แต่เรื่องหลักการแห่งความยุติธรรมจะนำเรื่องส่วนตัวมาละเว้นไม่ได้ ถ้าบรรดานักการเมืองที่ถูกจำคุกได้ลดโทษชั้นเยี่ยมแล้ว ลูกหลานคนจนที่ถูกจำคุกนับแสนคนก็ควรได้ลดโทษชั้นเยี่ยมเช่นเดียวกัน


ทั้งนี้ไม่ได้ว่ารัฐมนตรีทำผิดกฎหมายหรือจริยธรรม แต่ประชาชนสงสัยในเรื่องนี้ทั่วทั้งสิบทิศ จึงต้องมายื่นหนังสือถึง ป.ป.ช. ให้ช่วยสร้างความกระจ่างให้กับสังคม ถ้ากรมราชทัณฑ์อ้างว่าศาลมีหน้าที่ลงโทษจำคุก ส่วนกรมราชทัณฑ์มีหน้าที่บริการโทษ (ลดโทษ) ถือเป็นเป็นคำพูดที่ไม่มีเหตุผล กรมราชทัณฑ์จะมีอำนาจเหนือคำพิพากษาของศาลได้อย่างไร ทั้งนี้ ขอให้ป.ป.ช. เชิญนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ และ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมาให้ข้อมูลว่ามีการแก้ไขกฎระเบียบลดโทษให้นักโทษคดีคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นในสมัยใด มีบุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง และให้กันข้าราชการกรมราชทัณฑ์ชั้นผู้น้อยไว้เป็นพยานเพื่อความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย