จากที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นแถลงการณ์ค้านการลดหย่อนผ่อนโทษให้กับผู้ต้องขังคดีคอร์รัปชั่น อีกทั้งภาคประชาชน และ ส.ว.สมชาย แสวงการ ก็ได้ทำหนังสือเปิดผนึก เพื่อส่งถึง คณะรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ให้มีการทบทวนเรื่องดังกล่าวนั้น
ต่อมาวันที่ 13 ธันวาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมากล่าวว่า วันนี้ต้องเอามาทบทวน
“ทุกอย่างมันมีกฏระเบียบทั้งสิ้น ก็เอามาศึกษาหลายตัวด้วยกัน มีทั้ง นักโทษชั้นดี นักโทษชั้นเยี่ยม ลดเท่าไหร่ เท่านั้น เท่านี้ ปีนึงก็ไม่ได้กำหนดไว้ว่าถ้ามีนิรโทษแล้วจะให้กี่ครั้ง ไม่ได้เขียนตรงนี้ไว้เลย ก็ต้องมาทบทวนใหม่ทั้งหมด สถานการณ์มันเปลี่ยนแล้วใช่มั้ย กฎหมายคือสิ่งสำคัญ”
ขณะที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ขอบคุณพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ชี้แนะให้ทุกฝ่ายทำการบ้านให้มากขึ้น รวมถึงให้ดูความพอดีเหมาะสม ซึ่งจะเป็นแนวทางออกที่ดีที่สุดของการทำเดินการ ทั้งนี้การลดโทษมีทั้งผู้ที่ได้และไม่ได้ประโยชน์จากพ.ร.ฎ.อภัยโทษ
ล่าสุดวันนี้ 14 ธันวาคม 2564 นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยาได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงเรื่องดังกล่าวไว้หลายข้อความด้วยกันดังนี้
“สมศักดิ์ท่านบอกว่าท่านทำตามระเบียบกฎหมาย แต่กฏระเบียบกระทรวงที่ออกมาก็มีท่านลงนามนี่ เป็นรัฐมนตรีมันง่ายแบบนี้เอง นักการเมืองจึงอยากเป็นกันมาก ลุงตู่บอกว่าจะทบทวน ก่อนทบทวนลองดูพฤติกรรมของรัฐมนตรีก่อนดีไหมครับ ให้ออกก่อนแล้วสอบสวน ถ้าไม่มีอะไรก็ยกกระทรวงพลังงานให้เลย ผมเองก็เดินหน้าต่อ
ท่านนายกลุงตู่ทำแบบนี้สิ ต้องลำดับความสำคัญ
1.ปลดรัฐมนตรีสมศักดิ์ แล้วสั่งสอบสวน เพราะพฤติกรรมและการกระทำสำเร็จแล้วจนส่งผลให้นักโทษในคดีจำนำข้าวที่โกงชาติบ้านเมืองไปได้รับการพระราชทานอภัยโทษ เสร็จสิ้นแล้ว (แบบลดโทษน่าใจหาย) คนที่ได้ประโยชน์คือใคร ท่านต้องคิดเยอะนิดนึง
- ถ้าทบทวนสอบสวนแล้วปรากฎว่าผิดจริงในฐานะท่านเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการในท้ายพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ ท่านจะทำอย่างไร ลาออกหรือยุบสภา
2.1 ถ้านำความขึ้นกราบบังคมทูลให้ย้อนกลับคืนก็ไม่ได้ ท่านจะมีความผิด จริงไหม
2.2 ท่านคงได้แต่ยิ้มๆ แล้วทำงานต่อไปโดยทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรอีก ลอยไปลอยมาเรื่อยๆ
- เรื่องที่จะแก้ไขอะไรต่อมิอะไรมันต้องใช้เวลา จะแก้ไขกฎหมาย ระเบียบอะไรก็แล้วแต่ถ้ายังเป็น รัฐมนตรีสมศักดิ์คนเดิมมันก็ไม่เหมาะสมแล้วครับ
ด้วยความเห็นใจะนะครับผมฝากสั้นๆ มีหลายเรื่องที่ท่านสั่งการ ทบทวน ตั้งกรรมการ แต่ไม่เป็นผลก็เยอะ ไม่อยากยกตัวอย่างให้ช้ำใจ เอาแค่ คดีบอส อยู่วิทยา จะพูดอย่างไรดีล่ะครับ จะให้เชื่อกันง่ายๆก็ได้ ท่านต้องปลด ท่านสมศักดิ์ แบบคุณธรรมนัส จึงจะมีความน่าเชื่อว่าท่านจริงจังกับเรื่องนี้
ท่านสมศักดิ์ ท่านออกระเบียบกระทรวง ลงนามเองหลายฉบับในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ไปดูตรงนั้นเชื่อมโยงย้อนกลับไปมันเห็นภาพชัด และออกระเบียบมาในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2564 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 3 ธันวาคม 2564 ก่อนหน้าที่จะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษในวันมหามงคลฯ 5 ธันวาคม 2564
ที่ประกาศระเบียบออกมารอ จะให้ใครรีบออกมาจากเรือนจำหรือครับ พวกเราคนไทย แม้รักและเห็นใจท่านนายกฯ แต่ไม่ใช่เด็กที่ท่านจะมาสั่งมาห้าม ท่านเป็นผู้ใหญ่มีอำนาจต้องลงมือให้เราเห็นเสียก่อนจริงไหมครับ!”
ด้านพล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวผ่านการโพสต์ลงในเฟซบุ๊กด้วยเช่นกันว่า
“การออกพระราชกฤษฎีกา, กฎกระทรวง, ระเบียบ และข้อบังคับ ตลอดจนหลักเกณฑ์ต่างๆ โดยกระทรวงยุติธรรม และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยให้ ‘การบริหารโทษ’ ลดหย่อนผ่อนโทษนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายจนทำให้เกิดความเสียหายต่อความยุติธรรมอันเป็นความสงบสุขเรียบร้อย เป็นความมั่นคงของชาติ ถือเป็นความผิดอาญาร้ายแรงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่จะต้องรับผิดทางอาญา
นี่คืออีกสิ่งหนึ่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจะต้องรับผิดโดยไม่อาจปฏิเสธได้ และจะเป็นการปฏิบัติการต่อเนื่องที่ผมจะดำเนินการ ถึงแม้จะต้องใช้เวลาอีกหลายปี ผมก็จะไม่เลิกราจะตามล้างตามเช็ดไอ้พวกเหี้…บ่อนทำลายชาติเหล่านี้
พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา หัวโจกพลังแผ่นดิน”