จากที่วันนี้ 13 ธันวาคม 2564 สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด แกนนำกลุ่มคาร์ม็อบ ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กบอกเล่าถึงอาการป่วยของทนายความ ซึ่งมีการขอรับบริจาคเงินด้วยการขอเปิดบัญชีไว้น่าสนใจ
ทั้งนี้นายสมบัติ เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กว่า “ผมได้ยินชื่อทนายประเวศครั้งแรกตอนที่ ดา ตอปิโด ถูกดำเนินคดี มาตรา 112 แล้วทนายประเวศ คือคนที่ไปว่าความคดีให้ ในเวลานั้นใครที่โดน ม.112 เข้าไปเหมือนติดไวรัสโรคระบาด ใครเข้าใกล้ล้วนมีความเสี่ยงและถูกเหมาว่าเป็นพวกเดียวกัน คิดแบบเดียวกัน และสมควรที่จะถูกสังคมลงโทษในแบบเดียวกัน
วันหนึ่งทนายประเวศแชร์บทความของ อาจารย์สมศักดิ์เจียม เรื่องการหายไปของหมุดคณะราษฏร เขาถูกทหารควบคุมตัวโดยไม่สามารถติดต่อใครได้ก่อนที่จะถูกส่งตัวฟ้องศาลในข้อหา มาตรา 112 ในที่สุด
ใครที่เคยรู้จักดา ตอปิโด แล้วคิดว่าเธอหัวแข็ง แต่คนอย่างทนายประเวศหัวแข็งกว่า เพราะเขาประกาศไม่รับอำนาจศาล ไม่เซ็นเอกสาร ไม่ยื่นบัญชีพยาน ไม่ตั้งทนาย ไม่ซักค้าน โดยให้เหตุผลว่าศาลจะไม่สามารถให้ความเป็นธรรมได้ในคดีลักษณะนี้
ประเวศถูกตัดสินจำคุก 1 ปี 6 เดือน ในคดี ม.116 ส่วนคดี ม.112 ศาลยกข้อกล่าวหา จิตใจการต่อสู้ของประเวศทำให้ผมนึกถึงสมยศ พฤกษาเกษมสุข ซึ่งเมื่อวานนี้เขายังปรากฏตัวอยู่ที่เวทีการชุมนุมที่ราชประสงค์
หลังออกจากเรือนจำประเวศ อาศัยอยู่ที่แฟลตปลาทองและมีอาการเส้นเลือดในสมองตีบ เขาลงคลิปการเดินของเขาในเฟซบุ๊กจนเมื่อวานผมได้มีโอกาสโทรไปสอบถามอาการและการใช้ชีวิต
ด้วยสภาพร่างกายเขาไม่สามารถไปว่าความให้กับลูกความคนอื่นๆได้อีก เป็นหน้าที่ของมิตรสหายที่รู้จักและนับถือกันจะช่วยกันดูแลมิตรสหายที่บาดเจ็บล้มป่วยระหว่างทาง
จำนวนเงินอาจไม่สำคัญ แต่อยากให้เราส่งกำลังใจให้ทนายประเวศกันโดยเริ่มต้นจากคนละ 10 บาทขึ้นไป กสิกรไทย 864-2-05xxx-x นายประเวศ ประภานุกูล”
อย่างไรก็ตามทีมข่าวเดอะทรูธ ตรวจสอบถึงคดีของทนายประเวศ ก็พบว่า เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2561 ศาลนัดพิพากษา คดี ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายประเวศ ประภานุกูล อายุ 58 ปี ประกอบวิชาชีพทนายความ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112,
ฐานกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใดตามรัฐธรรมนูญหรือมิใช่แสดงความคิดเห็นติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, และผู้ใดทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามหน้าที่มีกฎหมายกำหนดไว้แล้ว ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุฯ มาตรา 368 และฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ตามมาตรา 3, 14 (3)
และขัดคำสั่งเจ้าพนักงานไม่พิมพ์ลายนิ้วมือ ตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ต.ค.59 กับคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 25 ลงวันที่ 29 ก.ย.49 เรื่อง การดำเนินการเกี่ยวกับการยุติธรรมทางอาญาว่า ผู้ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญา มีหน้าที่ต้องพิมพ์ลายนิ้วมือ ลายมือหรือลายเท้า ตามคำสั่งของพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี หรือพนักงานสอบสวน ผู้ใดฝ่าฝืนมีความผิดฐานกระทำความผิดเกี่ยวกับการยุติธรรม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 25 ม.ค.–23 เม.ย.60 จำเลยใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ “ประเวศ ประภานุกูล” ที่เป็นบัญชีส่วนตัว มีผู้ติดตามจำนวน 2,574 คน และมีเพื่อน 4,769 คน โดยจำเลยนำข้อมูลที่เป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ด้วยการโพสต์ข้อความที่มีลักษณะละเมิดกฎหมาย ซึ่งมิใช่แสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน หรือเป็นการดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง เหตุเกิดที่แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จำเลยให้การปฏิเสธ ไม่ขอยอมรับกระบวนการยุติธรรมและไม่ขอตรวจพยานหลักฐานในคดี และไม่ยื่นประกันตัว
ศาลมีคำพิพากษาว่า จำเลยได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ทำนองว่า “สนับสนุนทั้งคนเสื้อเหลือง-เสื้อแดง โค่นล้มอำนาจเผด็จการ พร้อมเรียกร้องระบบสาธารณรัฐ หรือ สหพันธรัฐ ซึ่งพูดได้เต็มที่ เชื่อผม ผมเป็นทนาย ฯลฯ” อันเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.116(3), 368, พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ ม.14(3), ประกาศ คปค.ฉบับที่ 25 จึงพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดต่อความมมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักรเป็นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116(3) ที่เป็นบทหนักสุด จำคุกรวม 3 กระทง กระทงละ 5 เดือน รวม 15 เดือน และลงโทษฐานฝ่าฝืนประกาศ คปค.ฉบับที่ 25 ให้จำคุก 1 เดือน รวมจำคุก 16 เดือน ส่วนข้อหาตาม ม.112 และข้อหาอื่นให้ยก
ขณะที่นายประเวศ ยืนยันจะไม่ยื่นอุทธรณ์คดี ที่ผ่านมาตนแสดงออกว่าไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดตั้งแต่ชั้นจับกุม สอบสวน โดยโทษของนายประเวศถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำตั้งแต่ชั้นฝากขังมาแล้วประมาณ 13-14 เดือน ดังนั้นเหลือเวลาจะถูกคุมขังอีกประมาณ 2 เดือนก็ได้รับการปล่อยตัว
นอกจากนี้ทีมข่าวเดอะทรูธ ยังพบว่า น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ดา ตอปิโด ได้เสียชีวิตจากไปอย่างสงบในวันที่ 7 พฤษภาคม 2563 ด้วยวัย 58 ปี ก่อนหน้านี้เข้ารับการรักษาตัวจากโรคมะเร็งเต้านม เคยเป็นอดีตผู้ต้องโทษคดี ม.112 ถูกศาลตัดสินจำคุก 15 ปี ต่อมาได้รับอภัยโทษ ถูกปล่อยตัวเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2558