จากที่มีการแถลงของกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นราษฎรจะนัดชุมนุมที่แยกราชประสงค์ ในวันที่ 12 ธันวาคม เพื่อรณรงค์ยกเลิกมาตรา 112 ท่ามกลางการประกาศใช้พรก.ฉุกเฉินฯ และการดำเนินคดีขบวนการจาบจ้วงสถาบันฯอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุดวันนี้ 8 ธันวาคม 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ได้ออกมากล่าวถึงกรณีม็อบราษฎรแถลงจะเคลื่อนไหวยกเลิก มาตรา 112 ต่อเนื่อง และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข จะฟ้องยูเอ็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่เคารพสิทธิมนุษยชน แต่กลับให้ ดร.เสกสกล ขับไล่องค์กรแอมเนสตี้ออกจากประเทศ และดำเนินคดี112 กับประชาชน
ทั้งนี้นายเสกสกล กล่าวว่า ตนประกาศขับไล่แอมเนสตี้ประเทศไทย ไม่มีใครมาสั่งให้ตนทำ นายกฯก็ไม่ได้สั่ง แต่เป็นเพราะองค์กรดังกล่าวสนับสนุนกลุ่มคนที่ทำผิดกฎหมายไทยซ้ำซาก ฝ่าฝืนคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญอันถือเป็นที่สุด มีผลผูกพันทุกองค์กร จาบจ้วงสถาบันรุนแรง แสดงตนเป็นปฏิปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ เสนอยกเลิกมาตรา 112
“กดดันระบบยุติธรรมให้ยกเว้นดำเนินคดีกับจำเลยคดี 112 ที่เป็นแกนนำม็อบทำผิดซ้ำซาก ไม่สนใจเสียงของคนไทยอีกหลายสิบล้านคนที่ทนไม่ไหวกับขบวนการจาบจ้วงสถาบันโดยใช้ข่าวปลอมสารพัดเรื่อง แม้กระทั่งกรณีสนามม้านางเลิ้งที่จะกลายเป็นสวนสาธารณะก็เคยถูกคนพวกนี้ใส่ร้ายป้ายสีสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันฯมาอย่างต่อเนื่อง
ไล่ดูแถลงการณ์ ไล่ดูกิจกรรม ไล่ดูหน้าเว็บของแอมเนสตี้ แทบจะไม่ต่างจากเว็บของกลุ่มม็อบจาบจ้วงสถาบัน ถ้าแอมเนสตี้ประเทศไทยดำเนินการถูกต้อง ไม่มีแผล ไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย กฎระเบียบ ไม่ได้รับเงินต่างชาติมาทำกิจกรรม ไม่ได้รับใช้เพื่อผลประโยชน์ของใคร ใครก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ไม่ต้องกลัว
แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยชี้แจงรายละเอียดว่ารายรับแต่ละปี เงินทุนที่นำมาดำเนินการมาจากไหน เท่าไหร่ มีแต่ปฏิเสธแบบเรื่อยเปื่อย จึงต้องมีการตรวจสอบให้สาธารณชนได้รับความกระจ่างชัด เพราะคนไทยอีกหลายสิบล้านคนที่เห็นว่าแอมเนสตี้ล้ำเส้นไปมากแล้ว ดำเนินการขัดวัตถุประสงค์ของการจดจัดตั้งตาม ป.แพ่งและพาณิชย์ ม.101 ขัดต่อกฎหมาย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจเป็นอันตรายต่อความสงบสุขของประชาชน หรือความมั่นคงของรัฐ ตาม ม.102 หรือไม่ ซึ่งรู้ดีอยู่แก่ใจ
ที่จะไปฟ้องยูเอ็นนั้น คิดว่ายูเอ็นเป็นบิดาหรืออย่างไร เพราะเรื่องกิจการภายในประเทศ อำนาจอธิปไตยของชาติ ยูเอ็นจะมาก้าวก่ายแทรกแซงก็ไม่ได้ ไปยื่นหนังสือแบบหลอกเด็กไปวันๆ” นายเสกสกล กล่าว
นอกจากนี้ นายเสกสกล ยังฝากเตือนด้วยว่า ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาด ว่าการปราศรัย การเคลื่อนไหว ที่อ้างว่าเรียกร้องปฏิรูปสถาบันนั้น แท้จริงเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้ยุติการกระทำเสีย ถ้ายังกระทำฝ่าฝืน ก็เตรียมตัวรับผลตามกฎหมายที่จะตามมา อย่าได้เอาเด็ก เยาวชน เอามวลชนมาเป็นโล่ จงใจฝ่าฝืนกฎหมาย เพราะปลายทางคือคุกสถานเดียว