จากที่เฟซบุ๊ก ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ข้อความถึงความคืบหน้าคดีเบนจา ในการยื่นขอประกันตัวตามความผิดมาตรา 112 ซึ่งล่าสุดได้มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจอีกครั้งนั้น
โดยเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2564 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ทนายความยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว เบนจา อะปัญ สมาชิกกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร (SIIT หรือ วิศวกรรมศาสตร์ ภาคภาษาอังกฤษ) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในคดีที่ถูกกล่าวหาในข้อหา “หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์” จำนวน 2 คดี ได้แก่ คดีอ่านแถลงการณ์หน้าสถานทูตเยอรมัน เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2563 และ คดี อ่านแถลงการณ์หน้าตึกซิโนไทย เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2564
ต่อมาเวลา 16.13 น. ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวทั้งสองคดี โดยให้เหตุผลคล้ายกัน คือ คดีปราศรัยและอ่านแถลงการณ์ในการชุมนุม ม็อบ26ตุลา หน้าสถานทูตเยอรมนี ศาลระบุเหตุผลว่า จำเลยเคยได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในคดีนี้ โดยมีเงื่อนไขห้ามไปกระทำความผิดเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์อีก แต่จำเลยกลับไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข และไปก่อคดีในลักษณะเดียวกันซ้ำอีก
ขณะที่คดีอ่านแถลงการณ์และปราศรัยหน้าตึกซิโนไทย ใน คาร์ม็อบ10สิงหาไล่ทรราช ศาลระบุเหตุผลว่า ข้อหาที่จำเลยถูกกล่าวหามีอัตราโทษสูง การกระทำที่จำเลยถูกกล่าวหามีลักษณะเป็นการกล่าวปราศรัยด้วยถ้อยคำอันมิบังควร ทั้งยังระบุว่าศาลเคยปล่อยตัวชั่วคราวในคดีอ่านแถลงการณ์หน้าทูตเยอรมนีที่มีข้อหาเดียวกันแล้ว แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข
ศาลระบุเช่นเดียวกันในทั้งสองคำสั่งว่า กรณีมีเหตุอันควรเชื่อว่าหากอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยอาจก่อให้เกิดอันตรายหรือความเสียหายประการอื่น กรณีจึงไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม จึงยกคำร้อง
ทั้งนี้ในส่วนของคดีอ่านแถลงการณ์หน้าตึกซิโนไทยนั้น อัยการได้มีคำสั่งฟ้องคดีไปเมื่อวันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา หลังครบกำหนดฝากขังในชั้นสอบสวนจำนวน 7 ผัดแล้ว ทำให้ในทั้งสองคดีมาตรา 112 ของศาลอาญากรุงเทพใต้ การถูกคุมขังของเบนจา เป็นการถูกขังระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล โดยปัจจุบันเธอถูกคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลางมานานกว่า 60 วันแล้ว
อย่างไรก็ตามทีมข่าวเดอะทรูธ พบว่าก่อนหน้านี้เฟซบุ๊ก ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ข้อความย้อนคดี และคำพูดของเบนจา ไว้อย่างน่าสนใจและควรพิจารณา นำมาศึกษาเป็นบทเรียน กับเนื้อหาบางส่วนที่ระบุว่า ย้อนฟังเบนจา 1 ปี ก่อนถูกคุมขัง “ถ้าวันหนึ่งเขาจะเอาเราเข้าคุก เราก็คงต้องเข้าคุก”
เบนจา อะปัญ ในวัย 22 ปี เป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์อินเตอร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผันตัวจากเยาวชนที่อยากเป็นนักบินอวกาศ สนใจในประเด็นเรื่องสิทธิและการเมืองตั้งแต่สมัยอยู่ในรั้วโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สู่การเป็นนักเคลื่อนไหวอย่างเต็มตัวเมื่อเริ่มต้นก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย และเข้าร่วมการเคลื่อนไหวกับกลุ่ม แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม
นับจากปี 2563 จนถึงปัจจุบัน เวลาเพียงหนึ่งปี เบนจา กลายเป็นถูกกล่าวหาในคดีจากการแสดงออกทางการเมืองไปแล้วรวมถึง 19 คดี ในจำนวนนี้ เป็นคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จำนวน 6 คดี
ในช่วงเวลานั้น คือปลายปี 2563 หลังเริ่มถูกแจ้งข้อกล่าวหาคดีแรก เบนจาบอกว่า ทำใจไว้ส่วนหนึ่ง พร้อมยอมที่จะแลกอิสรภาพและความฝันเพื่อการต่อสู้ในครั้งนี้จนกว่าจะสุดปลายทาง แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการถูกดำเนินคดีในข้อหาร้ายแรงส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อครอบครัวอย่างไม่อาจเลี่ยงได้
“ตอนได้หมาย 112 ตำรวจเอาหมายไปให้เซ็นถึงที่บ้าน พ่อเราเสียแล้ว แม่ก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านซักเท่าไหร่ เพราะต้องออกไปทำงาน คนที่อยู่บ้านรับหมายก็คือป้ากับยาย ซึ่งเขากลัวกันมาก เพราะเขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้ เขาเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาที่ทำงานในชุมชน แล้ววันหนึ่งญาติตัวเองต้องมาโดนหมายดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ฯ”