แฉแผน “ปิยุบตร” ขอประนีประนอม! “เพจดัง” เผยแก๊งล้มเจ้าเหลือแต่ตอ-ลูกไม้ จี้เป้านายทุนใจทราม!
จากกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้ไลพ์สด ณ ที่ทำการคณะก้าวหน้า ในหัวข้อ แถลงความเห็นแย้งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคดีล้มล้างการปกครองฯ โดย ปิยบุตร แสงกนกกุล โดยมีเนื้อหาบางช่วงที่น่าสนใจว่า ข้อเสนอประนีประนอมเพื่อหาทางออกร่วมกันกับทุกฝ่าย ฝ่ายแรกคือ กลุ่มผู้ชุมนุมที่มีการนำเสนอการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ฝ่ายเยาวชนคนหนุ่มสาว ประชาชน ที่รวมตัวกันในชื่อ “ราษฎร” จำเป็นต้องปรับวิธีการรณรงค์ วิธีการเรียกร้องเสียใหม่
ต่อมาเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2564 นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กถึงกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โดยระบุข้อความว่า
ไม่ขอเห็นด้วยกับอาจารย์ปิยบุตร ข้อเสนอของอาจารย์ปิยบุตร เราไม่จำเป็นจะต้องเห็นด้วยหรือมีพลังอำนาจอะไรจะมาต่อรองเจรจาประนีประนอม
1. เพราะมันเลยเวลาที่จะทำการเจรจาประนีประนอมไปแล้ว กลุ่มผู้ชุมนุมเดินเข้าสู่ขบวนการยุติธรรม มีคดีอาญาติดตัวเป็นจำนวนมาก
2.เพราะอาจารย์ปิยบุตรรู้ว่าเกมส์นี้ฝ่ายตนพ่ายแพ้ แต่ถ้าเป็นฝ่ายชนะคงไม่มีความประนีประนอม ดังเห็นได้จากการโพสต์รัวๆของเขาที่ปารีส
3.การปฏิเสธว่าตนเองต้องการปฏิวัติล้มล้างมากกว่าการปฏิรูป เกิดขึ้นหลังจากมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และแนวทางของการปฏิวัติตามความเข้าใจของผู้ชุมนุม มันถูกเริ่มต้นแล้ว เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ.2563
4. เพราะอาจารย์ปิยบุตรรักตัวกลัวตาย กลัวขบวนการที่จัดตั้งขึ้นมาพังทลายลงจึงออกมาอธิบายต่อรองเพื่อเดิมเกมส์ต่อ หากแต่คนไทยเขาฉลาดไม่ใช่พวกโง่แบบสองเขาสามกีบที่เคลิบเคลิ้มจนหลงลืมความถูกต้อง
5. ข้อเสนอเป็นเรื่องของตัวบุคคลไม่ใช่ของปวงชนชาวไทย
6. อาจารย์ปิยบุตรตกอยู่ในสภาพหมดเครดิต คือถูกศาลฯเพิกถอนสิทธิการรับสมัครทางการเมือง พรรคที่ตนเองเป็นเลขาธิการถูกยุบ และมีแนวโน้มสูงที่จะต้องคดีอาญาหลายมาตรา
7. ข้อเสนอสามารถกระทำผ่านขบวนการรัฐสภา โดยพรรคก้าวไกลแต่ไม่ทำ เพราะต้องการจะนำเสนอผ่านสังคมโซเชียลสร้างความปั่นป่วน และความขัดแย้ง ถือเป็นบุคคลอันตราย
8. การอ้างเสรีภาพทางวิชาการของอาจารย์ปิยบุตรมักละเมิดสิทธิเสรีภาพของพระมหากษัตริย์ซึ่งผิดบทบัญัติตามมาตรา 3-4 ในรัฐธรรมนูญ และอาจลุกลามไปถึงมาตรา 108 หมวดความมั่นคง ในประมวลกฎหมายอาญา
9. ข้อเสนอของอาจารย์ปิยบุตรจึงไม่มีคุณค่าอะไรในทางวิชาการเพราะไม่ผ่านการลงประชามติจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไทย มีลักษณะของการต่อรอง ข่มขู่ ปราศจากความชอบธรรมทั้งทางนิตินัยและในทางที่จะนำไปปฏิบัติ
10. เราควรเลิกเชื่ออาจารย์ปิยบุตรได้แล้ว เพราะเป็นการเสียเวลาและรกสมองไปเปล่าๆ
ล่าสุด (7 ธันวาคม 2564) ปราชญ์ สามสี ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีขบวนการล้มเจ้ากับต้นไม้พิษ โดยมีเนื้อหาบางส่วนที่น่าสนใจว่า ประเมินสถานการณ์ ขบวนการล้มเจ้า และ เหล่า”ต้นไม้พิษ” เวลานี้ต้นไม้พิษเหลือแค่”ตอ” และ”ลูกไม้”…แล้ว ตอ…คือสิ่งที่หลงเหลือที่กำลังจะตายลง ลูกไม้…คือสิ่งที่กำลังจะงอกเงยขึ้นเป็นต้นใหม่เพื่อหลอกล่อให้คนที่ไม่รู้เผลอกิน ผลไม้พิษตายอีก….
ดังนั้นจำต้องรู้จักต้นตอของผลไม้พิษ… และรู้จักลูกไม้ที่กำลังแทงยอดอ่อน… เพื่อถอนรากทิ้ง ไปพร้อมๆกัน เพราะลูกไม้จะหล่นไม่ไกลต้น ตออยู่ที่ไหน ต้นอ่อนอยู่ที่นั้น ดังนั้น ตัดน้ำเสีย อย่าให้ได้แสงแดด…หยุดต้นไม้พิษนี้ในยุคเราเถอะ ที่สำคัญอย่าเปิดโอกาสให้”นายทุน”ใจทราม เข้ามาใช้ประโยชน์จากต้นไม้พิษอีก
“เมื่อโกรธเพื่อน แล้วระบายออกไปแล้ว ความคับแค้นใจก็สูญไป”
“แต่หากโกรธศัตรู ไม่ระบายออกมา เก็บไว้ในใจ”
“กลับตั้งหน้าตั้งตาบ่มเพาะจนต้นไม้พิษนั้นเติบใหญ่ ออกผล(พิษ)เปล่งปลั่ง “
“เขารดน้ำด้วยความกลัวโดยใช้น้ำตารดทั้งวันทั้งคืน “
“ทันทีที่เห็นศัตรูอยู่ใต้ต้นไม้นั้นทั้งๆที่รู้ว่าต้นไม้นี้เป็นของเขา
ในที่สุดศัตรูเข้ามาขโมยกินผลไม้ในคืนนั้น” “เช้าวันรุ่งขึ้น เขาแสยะยิ้ม เมื่อได้เห็นศัตรูมานอนเสียชีวิตอยู่ใต้ต้นไม้นั้นในตอนเช้า” ดังนั้น “ต้นไม้พิษ” แทนความหมายของ “ความแค้น”ที่ฝักรากลึก ลงไปในสังคม และรอคอย ให้เหยื่อที่เกลียดชังพลาดมาเสียรู้ …เป็นหนึ่งในรูปแบบ สุ่มแก้แค้น ที่มองเป้าหมายไม่ใข่บุคคลๆเดียวแต่อาจจะหมายถึงการเกลียดชังคนหมู่มาก และต้องการ ทำลายสังคมด้วยการ วางยาพิษให้ผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อนั้นเอง