Truthforyou

สียินดี!รถไฟจีน-ลาวคำรามสู่ยุคขนส่งสมัยใหม่ ไม่สนเมกาป้ายสีกับดักหนี้ ไม่ลืมว่าเคยทิ้งบอมบ์เพียบเก็บไม่หมด

สปป.ลาวทำพิธีเปิดเส้นทางรถไฟข้ามชายแดนจีนเชื่อมระหว่างเมืองคุนหมิงกับนครเวียงจันทน์ยาว 1,035 กม.แล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาพร้อมกับฉลองวันชาติ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน และทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศลาว ร่วมเป็นสักขีพยานผ่านระบบประชุมทางไกล

วันศุกร์ที่ 3 ธ.ค. 2564 สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เส้นทางรถไฟข้ามชายแดนที่้ใช้เวลาก่อสร้างนาน 5 ปี เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการแล้ว เป็นส่วนหนึ่งของโครงการความริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน หรือ BRI: Belt and Road Initivative โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้างราว 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 203,220 ล้านบาท

หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวไว้เมื่อวันพุธว่า โครงการเรือธงโครงการนี้จะส่งเสริมยุทธศาสตร์ของลาวที่ต้องการเปลี่ยนประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลให้เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อทางบกอย่างมีประสิทธิภาพ

ทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศสปป.ลาว และสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งจีน พบปะทวิภาคีผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกลในวันศุกร์ที่ผ่านมา ก่อนจะร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีเปิดเส้นทางรถไฟนี้อย่างเป็นทางการ ประธานประเทศลาวกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดเมื่อบ่ายวันศุกร์ ยกย่องโครงการนี้ว่าเป็นยุคสมัยใหม่ของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยสำหรับประเทศลาว “ข้าพเจ้ามีความภาคภูมิใจที่ความฝันของชาวลาวกลายเป็นความจริง”

ด้านปธน.สี จิ้นผิงแห่งจีน แสดงความยินดีโดยกล่าวว่า ทางรถไฟสายนี้จะนำประโยชน์มาสู่ประชาชนของสองประเทศอย่างแท้จริง ปธน.สี จิ้นผิง เน้นว่าทั้งจีนและลาวยึดมั่นในการเป็นผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์และการปฐมนิเทศสังคมนิยม ซึ่งเป็นแก่นแท้ของความสัมพันธ์ทวิภาคีของพวกเขา ทั้งสองฝ่ายควรร่วมกันปกป้องความมั่นคงทางการเมืองและสถาบันของจีนและลาว การให้บริการประชาชนเป็นจุดประสงค์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย และความสัมพันธ์ระหว่างจีนและลาวควรเน้นย้ำถึงอำนาจสูงสุดของประชาชนเพื่อประโยชน์ของประชาชนของทั้งสองประเทศมากขึ้น

ทางรถไฟสายนี้เชื่อมเมืองคุนหมิงของจีนกับกรุงเวียงจันทน์ของลาว โดยมีแผนใหญ่สำหรับรถไฟความเร็วสูงที่จะเชื่อมต่อทอดยาวผ่านประเทศไทยและมาเลเซียไปถึงสิงคโปร์ในท้ายที่สุด

ก่อนหน้านี้ สปป.ลาวที่มีประชากร 7.2 ล้านคน มีเส้นทางรถไฟระยะทางเพียง 4 กิโลเมตรเท่านั้น แต่เส้นทางรถไฟสายใหม่ที่จีนร่วมก่อสร้างมีระยะทาง 414 กิโลเมตร โดยจะให้บริการขนส่งด้วยความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง ลอดอุโมงค์ 75 อุโมงค์ ข้ามสะพาน 167 แห่ง และมีสถานีรับส่งผู้โดยสาร 10 แห่ง

สื่อทางการลาวกล่าวว่า รถไฟสายนี้จะเริ่มให้บริการประชาชนในวันเสาร์ แต่จะจำกัดเฉพาะผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้วเท่านั้น โดยจะมีบริการขบวนโดยสารวันละ 4 ขบวน และรถไฟสินค้าวันละ 14 ขบวน

หนังสือพิมพ์ลาวเชียนไทม์รายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดี นายกรัฐมนตรีพันคำ วิพาวัน ของลาวร่วมพิธีเสริมสิริมงคลโดยนิมนต์พระสงฆ์มาประพรมน้ำมนต์รถไฟสายใหม่นี้

ข้อมูลของธนาคารโลกเปิดเผยว่า ลาวได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโควิด-19 โดยการเติบโตทางเศรษฐกิจของลาวลดลง 0.4% ในปี 2563 ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 30 ปี ความคาดหวังว่าเศรษฐกิจลาวจะกลับมาฟื้นตัวได้ในปี 2564 พังทลายลงเมื่อลาวต้องล็อกดาวน์ประเทศ เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 76,000 คนในช่วงเวลา 8 เดือนที่ผ่านมา รายงานระบุว่า เส้นทางรถไฟสายนี้อาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของลาวได้ แต่รัฐบาลลาวจำเป็นต้องปฏิรูปครั้งใหญ่ รวมถึงปรับปรุงระบบบริหารจัดการชายแดนด้วย

นักวิเคราะห์หลายคนตั้งคำถามว่า ลาวซึ่งระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานยังขาดแคลน จะสามารถชดใช้หนี้ 1,060 ล้านดอลลาร์สหรัฐกับจีนอย่างไร หรือลาวพร้อมจะใช้ประโยชน์จากระบบขนส่งที่ทันสมัยหรือไม่ แม้พวกเขาจะยอมรับว่าเส้นทางรถไฟสายนี้มีศักยภาพที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของลาวก็ตาม

ผู้เชี่ยวชาญฝั่งจีนกล่าวว่าความพยายามของโครงการ BRI นั้นประสบผลสำเร็จและ กลบเสียงกล่าวหาจากสหรัฐและตะวันตกได้อย่างมีประสิทธิภาพ แรงจูงใจแอบแฝงที่ปรากฎในสื่อตะวันตกเกี่ยวกัยปัญหา “กับดักหนี้”มีเจตนาร้ายที่จะป้ายสีโครงการ BRI ของจีน 

ซู หลีผิง ผู้อำนวยการศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา สถาบันสังคมศาสตร์แห่งจีนในกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า ประเทศตะวันตกไม่เข้าใจรูปแบบการพัฒนาในปัจจุบันของประเทศเกิดใหม่ ซึ่งแตกต่างจากความเคยชินที่พวกเขาดำเนินการในการพัฒนาในอดีต

ประเด็นนี้บุรินทร์  อดุลวัฒนาหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกรุงเทพกล่าวว่าโครงการนี้อาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมทางเศรษฐกิจ “ฉันไม่ได้มองว่าจีนพยายามทำให้ลาวล้มละลาย มันไม่ใช่กลยุทธ์ม้าโทรจัน ฉันคิดว่ามันจะเป็นสถานการณ์ที่วิน-วินทั้งสองประเทศ” 

ขณะที่สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์ สะท้อนว่า สื่อตะวันตกชูประเด็น “กับดักหนี้”ฟาดฟันจีนอย่างดูหมิ่นเหยียดหยาม โดยไม่ให้ค่าความสำเร็จแห่งการร่วมมือของพันธมิตรจีน-ลาวแม้แต่น้อย แต่ลืมผลงานของสหรัฐ ที่ขนระเบิดถล่มลาวและเวียดนามในยุคสงครามเย็น ไว้กว่าร้อยล้านลูกจนกระทั่งปัจจุบันนี้ยังกอบกู้ไม่หมด

สื่อกระแสหลักตะวันตก ได้วาดภาพแง่ร้ายแก่ทางรถไฟด้วยการต่อต้านจีนเป็นวาระโจ่งแจ้ง  บทความมากมายกล่าวหาที่ว่าปักกิ่งให้กู้ยืมเงินแก่ประเทศต่างๆ สำหรับโครงการที่พวกเขาไม่สามารถจ่ายได้ และจากนั้นก็ใช้อำนาจทางการเมือง ควบคุมเหนือโครงการนั้น 

แต่อดีตที่ผ่านมาลาวตระหนักดีว่าจีนไม่ใช่ประเทศที่น่าหวาดกลัว แต่คือสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่ทิ้งระเบิดคลัสเตอร์กว่า 260 ล้านลูกลงในลาวและทำลายล้างประเทศจนหมดในฐานะพันธมิตรของเวียดนาม สงครามทำให้ลาวและเวียดนามเป็นประเทศที่ถูกทิ้งระเบิดมากที่สุดเพียงแห่งเดียวในประวัติศาสตร์และคร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 50,000 คน

Exit mobile version