นับตั้งแต่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่ม 3 นิ้ว ที่มักจะอ้างว่าตนเองนั้นเรียกร้องชุมนุมตามสิทธิและเสรีภาพ ในระบอบประชาธิปไตย และมักจะเรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยด้วยนั้น แต่ระยะหลังกลับพบว่าในโลกโซเชียล พฤติกรรมของคนกลุ่มนี้กลับชัดเจนว่าย้อนแย้งในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งเรื่องความเท่าเทียม เรื่องการบูลลี่ และมักจะเรียกทัวร์ลงคนที่เห็นต่างอยู่เรื่อยมา เช่นล่าสุด กรณีที่แห่แบนลูกสาวตั้ว ศรัณยู และวิพากษ์วิจารณ์ด้วยถ้อยคำไม่เหมาะสมจำนวนมาก
ล่าสุดทางด้าน รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Harirak Sutabutr” มีเนื้อหากล่าวถึงพฤติกรรมของกลุ่ม 3 นิ้ว ที่มักจะย้อนแย้ง และพฤติกรรมที่ทำให้สังคมเจริญก้าวหน้า ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยระบุว่า “คุณลักษณะที่โดดเด่นที่สุด 3 ประการของกลุ่ม 3 นิ้ว ที่เรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย และเรียกผู้เห็นต่างว่า ฝ่ายเผด็จการ”
คือ 1. มักให้ความจริงเพียงเสี้ยวเดียว เช่น “แค่สงสัยการทำงานเรื่องวัคซีนของรัฐบาล กลับถูกดำเนินคดี”
ความจริงคือ ตั้งข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลต้องการช่วยบริษัท Siam Bioscience ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงจัดตั้ง และปัจจุบันเป็นของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 จึงไม่ไปติดต่อกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนยี่ห้ออื่น นอกจาก Astra Zeneca ทำให้ประชาชนเสียประโยชน์เนื่องจากได้รับวัคซีนช้าเกินไป
การตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าว สามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่เป็นความจริง แต่เป็นผลให้ประชาชนที่หลงเชื่อ เกิดอคติ ไม่ยอมรับวัคซีนยี่ห้ออื่นที่รัฐบาลมีให้ ต้องการแต่ฉีดวัคซีนของ Pfizer หรือ Moderna ที่รับบาลยังไม่มีให้เท่านั้น ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ซึ่งเชี่ยวชาญทางไวรัสวิทยาออกมาประกาศว่า วัคซีนที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่ฉีดได้เร็วที่สุด กลับถูกโจมตีอย่างสาดเสียเทเสีย และยังคงโจมตีทุกเรื่องที่ ศ.นพ.ยง ออกมาให้ข้อมูลหรือให้ความเห็นทุกเรื่องจนถึงปัจจุบัน
เช่น “พวกเขาเพียงแค่เห็นต่างทางการเมือง ก็ถูกดำเนินคดี”
ความจริงคือ ไม่เพียงแค่เห็นต่าง แต่ได้กระทำการอันเป็นการละเมิดผู้อื่นอย่างชัดแจ้ง ล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ และก่อความรุนแรง ใช้อาวุธ เผาพระบรมฉายาลักษณ์ และเผาทรัพย์สินของส่วนรวมนับครั้งไม่ถ้วนซึ่งผิดกฎหมายทั้งมาตรา 112 และ 116
เช่น “เป็นเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ในการแสดงออกอย่างสันติ”
ความจริงคือ รัฐธรรมนูญระบุว่า การใดที่ไม่ได้ห้ามหรือจำกัดไว้ในรัฐธรรมนูญหรือในกฎหมายอื่น บุคคลย่อมมีสิทธิและเสรีภาพที่จะกระทำการนั้นได้และได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ตราบเท่าที่การใช้สิทธิหรือเสรีภาพเช่นว่านั้น … ไม่ละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น
เช่น “ปฏิรูป ไม่เท่ากับ ล้มล้าง”
ความจริงคือ ข้อเสนอ 10 ข้อ ที่อ้างว่า เป็นการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์นั้น แท้จริงแล้วไม่ต่างกับการล้มล้าง การเปิดให้ใครก็ได้สามารถฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ได้ และให้สภาผู้แทนราษฎรสามารถพิจารณาความผิดของพระมหากษัตริย์ การไม่ให้พระมหากษัตริย์ทรงแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในที่สาธารณะ การไม่ให้รับบริจาคเงินโดยเสด็จพระราชกุศล การยกเลิกมาตรา 112 เพียงเท่านี้ จะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เสื่อมลงอย่างแน่นอน และทำให้การมีก็เหมือนไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์นั่นเอง ยังไม่ต้องพูดถึงการกระทำต่างๆที่เป็นการข่มขู่ ย่ำยีกล่าวหา ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ล้อเลียน ที่ล้วนเป็นความพยายามทำให้เกิดความเสื่อมถอยของสถาบันพระมหากษัตริย์ คำว่าปฏิรูปจึงเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น
เช่น “คณะก้าวหน้าคว้าชัย 38 อบต เดินหน้าบริหารท้องถิ่น” (พาดหัวข่าวอยู่ในหน้าของสำนักข่าว 3 นิ้วแห่งหนึ่ง)
ความจริงคือ คณะก้าวหน้าส่งผู้สมัครทั้งหมด 196 ที่นั่ง จากทั้งหมด 5329 ที่นั่ง ได้มา 38 ที่นั่ง ในขณะที่ผู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มที่เป็นคู่แข่งได้ชัยชนะกว่า 5000 ที่นั่ง แต่พาดหัวข่าวเสียยังกับคณะก้าวหน้ากวาดที่นั่งไปได้แบบถล่มทลาย
2. ใครที่เห็นต่างคือผิด เป็นคนไม่ดี ถือเป็นศัตรู ตัวอย่างเช่น ใครก็ตามที่ไม่ได้ต่อต้านการทำรัฐประหาร ไม่ว่าครั้งใด ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด เท่ากับเป็นพวกเผด็จการ เท่ากับเป็นคนไม่ดี
ล่าสุดกรณี “ลูกหนัง” ศรีตลา วงศ์กระจ่าง ลูกสาวคุณ ตั้ว ศรัณยู วงศ์กระจ่าง ที่มีข่าวว่าจะได้เข้าร่วมกับ K-pop ที่เกาหลี แทนที่จะยินดี กลุ่ม 3 นิ้วกลับเรียกร้องให้แบน โจมตีลูกหนังอย่างไม่เป็นธรรม เพียงเพราะพ่อของลูกหนัง มีส่วนอย่างสำคัญในการประท้วงขับไล่รัฐบาลที่เขาเชื่อว่า กำลังสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศอย่างมหาศาล ตั้งแต่สมัยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กลุ่ม 3 นิ้วถือว่าประท้วงขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นความผิด ว่าเป็นเผด็จการ ไม่เพียงแต่พ่อเท่านั้น ความผิดยังตกมาถึงลูกคือตัวลูกหนังด้วย จึงต้องช่วยกันถล่มไม่ให้ได้ผุดได้เกิด แต่หากพวกตัวเองทำอะไรที่เป็นความผิดแน่ ๆ ล้วนพากันเงียบกริบ ไม่ส่งเสียงใด ๆ เลยแม้แต่น้อย
3. เชื่อว่า สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นต้นเหตุแห่งความเหลื่อมล้ำ ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกัน เป็นอุปสรรคต่อความเจริญของประเทศ และต่อการมีรูปแบบสังคมที่ตัวเองต้องการ
ความพยายามในการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่อ้างว่าเป็นการปฏิรูป พฤติกรรม การแสดงออก และการกระทำของกลุ่ม 3 นิ้วต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งในม็อบและใน social media ตลอดปีที่ผ่านมา เป็นเครื่องยืนยันถึงความจริงข้อนี้อย่างไม่ต้องสงสัยอ้นใดอีก กลุ่ม 3 นิ้วอ้างเสมอว่า พวกเขาเพียงต้องการสังคมที่ดีกว่า ถือเป็นความผิดด้วยหรือ ก็อยากจะขอบอกว่า ไม่ผิด หากพวกเขาไม่ไปล่วงละเมิดผู้อื่น แต่หากคนไทยทุกคน หรือคนไทยส่วนใหญ่มีคุณลักษณะ 3 ประการข้างต้นของพวก 3 นิ้ว สังคมที่ดีกว่าไม่มีทางเกิดขึ้นได้แน่นอน