จากกรณีที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตปล่อยชั่วคราว ของ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง เเกนนำราษฎรจำเลยที่ 5 คดีหมายเลขดำ อ.287/2564 ให้ออกมาทำการสอบ และกำหนดเงื่อนไขคุมเข้ม จนถึงวันที่ 12 ม.ค. 2565
โดยเมื่อทำการสอบเสร็จสิ้น จะต้องกลับเข้าเรือนจำตามเดิม ซึ่งระหว่างนี้อยู่ในช่วงรอคำสั่งปล่อยตัว โดยจำเลยจะต้องเซ็นรับทราบข้อกำหนดต่าง ๆ เพราะหากมีการผิดสัญญา ศาลสั่งให้ปรับผู้ประกันเป็นเงิน 90,000 บาท โดยไม่เรียกหลักประกัน
ต่อมาได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงประเด็นของรุ้ง ปนัสยา โดยมวลชนแนวร่วมม็อบ 3 นิ้ว ต่างตั้งคำถามว่า ในเมื่อรุ้ง ออกมาสอบได้ ทำไม “เบนจา อะปัญ ” ถึงไม่ได้รับการปล่อยตัวด้วย ทั้งนี้เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2564 เบนจาได้กล่าวถ้อยแถลงต่อศาล ระบุว่า “ศาลขังหนูไว้ก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ หนูไม่ใช่อาชญากร ขังหนูไว้มีแต่จะทำให้เกิดความสงสัยต่อความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม ปล่อยหนูออกไปเรียนหนังสือ ออกไปเป็นทรัพยากรที่ดีของประเทศนี้เถอะค่ะ ประเทศนี้จะได้เจริญไปข้างหน้าเสียที” แต่สุดท้ายศาลไม่อนุญาตประกันตัว เนื่องจากกลัวว่าจะออกไปกระทำความผิดซ้ำ
ล่าสุดได้มีกลุ่ม 3 นิ้ว แสดงความคิดเห็นว่า “บางทีน่าจะถึงเวลาแล้ว ที่เราควรจะไปประท้วงหน้าบ้านของไอ้ 9 ตัว ที่ทำให้ระบบยุติธรรมปั่นป่วน” , ศาลเขาจะไม่ปล่อยง่าย ๆ คือจะทำให้เข็ดจริง ๆ แต่ท้ายสุดก็จะปล่อยคงต้องรอไปอีก
อย่างไรก็ตามน่าจับตามองถึงการปล่อยตัวชั่วคราวของรุ้ง ปนัสยา ที่มีข้อกำหนดหลัก ๆ คือ
1. ห้ามทำกิจกรรมที่ทำให้สถาบันเสื่อมเสีย
2. ไม่ร่วมชุมนุมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย
3. ห้ามออกนอกเคหสถาน 24 ชม. ยกเว้นเดินทางไปสอบ , ไปสถานพยานบาล หรือไปตามนัดพิจารณาคดี
4. ห้ามเดินทางออกนอกปท.
5.ให้ติดกำไร em
หากมีการทำผิดเงื่อนไข จะถูกเพิกถอนสิทธิ์ทันที ส่วนกรณีของเบนจา อะปัญ ที่เจ้าตัวอ้างว่าอยากออกจากคุกมาเป็นทรัพยากรที่มีประโยชน์ต่อชาติ แต่สังคมต่างจับตามองว่า หากได้รับการปล่อยตัว เบนจา อาจจะออกมาทำผิดซ้ำ มากกว่าจะห่วงอนาคตตัวเองและกลับไปตั้งใจศึกษาเล่าเรียน
