หลังจากที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2564 ที่ระบุว่า “I shall return” จนเกิดกระเเสข่าวย้ายจากพรรคประชาธิปัตย์ ออกไปอยู่กับพรรคใหม่ ที่ตั้งโดยกลุ่มสี่กุมาร
ว่าตนเองอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์มา 29 ปี ออกศึกภายใต้สังกัดประชาธิปัตย์ เป็น ส.ส.มา 8 สมัย แต่ในการออกศึกทำสงครามครั้งที่ 9 ล่าสุด ตนเเพ้ ไม่ว่าจะเเพ้ด้วยสาเหตุใด เช่น อาจเพราะว่าการต่อสู้นั้นใช้ลูกดอกอาบยาพิษ หรือเป็นการต่อสู้ที่มีกติกาไม่เป็นธรรม หรืออะไรก็แล้วเเต่ แต่ถือว่าตนเเพ้ พอเเพ้เเล้วกลับถูกเเม่ทัพสำเร็จโทษเลย ก็เลยมานั่งคิดว่า จะยอมถูกสำเร็จโทษ จากการพ่ายเเพ้ในครั้งที่ 9 หรือ จะสู้ต่อ สุดท้ายตนขอสู้ต่อ แต่จะสู้ในกองทัพเดิมไม่ได้เเล้ว เพราะตนไม่มีที่ยืน เเละถูกถอดยศ ก็ต้องไปหาที่อยู่ใหม่
“บังเอิญมีพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง มีนักการเมืองที่เขาให้เกียรติมาเชิญผม หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มีระดับหัวหน้าพรรค มาเชิญ 4-5 พรรค โดยครั้งนี้ที่ไปคุยมาล่าสุด นโยบายดีมาก คนที่ไปคุยด้วยเป็นปัญญาชน เป็นคนดี มีนโยบายเศรษฐกิจที่ดีมาก โดยเฉพาะเรื่องการฟื้นประเทศหลังจากโควิด-19 นโยบายที่จะฟื้นภาคใต้ก็ดีมาก เลยตัดสินใจไปร่วมทำงานการเมืองกับเขาเหล่านั้น ยังไม่ขอระบุชื่อพรรคเเล้วกัน”
ล่าสุดทางด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน และอดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสข่าวนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ จะย้ายพรรคมาอยู่ด้วย ว่า ไม่ปฏิเสธว่ามีการพูดคุยกับนายนิพิฏฐ์ หากจะทำการเมืองก็มีโอกาสที่จะทำการเมืองด้วยกัน และความจริงไม่ได้คุยเฉพาะนายนิพิฏฐ์ คุยกันหลายกลุ่ม ทั้งหมดยังอยู่ระหว่างการพูดจากัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การที่นายนิพิฏฐ์ออกมาพูดก่อนแบบนี้ จะทำให้กระทบกับการเปิดตัวของกลุ่ม 4 กุมารในอนาคตหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ประเมินไปขนาดนั้น การคุยกับนักการเมืองเป็นเรื่องปกติ เมื่อถามว่า การพูดของนายนิพิฏฐ์ ทำให้หลายคนเข้าใจว่ากลุ่ม 4 กุมารกำลังจะเปิดตัวแล้ว นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ก็ยังไม่แน่ การเป็นพรรคการเมืองต้องมีองค์ประกอบมากกว่านี้ โดยข้อเท็จจริงแล้ววันนี้การพูดคุยกันในหลาย ๆ กลุ่มของเรา ถ้ายังไม่ลงตัวตามที่เราคาดว่าจะเป็นประโยชน์เราก็จะไม่เดิน
เมื่อถามว่า บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จะทำให้การตั้งพรรคการเมืองของกลุ่ม 4 กุมารลำบากหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ก็อาจจะจริง แต่ตนเห็นว่ามันขึ้นอยู่กับองค์ประกอบในพรรคมากกว่า การมีบัตร 2 ใบ มันเป็นทั้งบวกและลบในตัว มันอยู่ที่พรรคเล็กนั้นมีคุณสมบัติที่จะสอดรับกับกติกาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบหรือไม่ พรรคเล็กอาจจะมีโอกาสก็ได้ ไม่ได้หมายความว่าเสียเปรียบเสมอไป แน่นอนว่าพรรคใหญ่คือพรรคที่มีชื่อเสียงได้เปรียบ เพราะได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเป็นกอบเป็นกำ
ทั้งนี้สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่ม 4 กุมาร มีรายงานจากแหล่งข่าววงใน ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจตั้งพรรคการเมือง แต่จะรอหารือกับกลุ่มต่าง ๆ ก่อน โดยที่ผ่านมามีการนัดหารือพูดคุยกับหลายกลุ่ม แต่บางกลุ่มยังคุยไม่ลงตัว ซึ่งหากการเดินสายคุยกันที่ทำอยู่ไม่ลงตัว กลุ่ม 4 กุมารจะยังไม่ขับเคลื่อนอะไร แต่หากการพูดคุยลงตัวแล้วก็จะขับเคลื่อนทางการเมืองทันที เบื้องต้นวางเอาไว้ว่าจะเปิดตัวประมาณต้นปี 65 ในกรณีที่การพูดคุยกับกลุ่มต่าง ๆ ลงตัว