Truthforyou

จีนจัดหนัก!!ส่งบินรบ-เรือพิฆาต ลาดตระเวนช่องแคบพร้อมลุย ไบเดนเล่นกับไฟชูไต้หวันยั่วไม่เลิก

ในที่สุดไบเดนก็เผยธาตุแท้ที่พูดอย่างทำอีกอย่างจากพฤติกรรมล่าสุด ส่งคณะผู้แทนสภาคองเกรสสหรัฐฯ เดินทางเยือนไต้หวันเป็นครั้งที่ 2 แสดงว่าสหรัฐฯไร้สัจจะ เชื่อถือไม่ได้ คุยกับปธน.สี จิ้นผิงไปไม่นานว่า สหรัฐฯรับรองจีนเดียว แต่เชิญไต้หวันไปงาน “ฟื้นฟูประชาธิปไตย” เพื่อจัดชั้นประเทศที่สหรัฐมองว่ายอมสยบ ใครไปงานนี้เท่ากับเข้าทางสหรัฐว่า นี่ล่ะพวกเดียวกัน เป็นกลยุทธ์แบ่งแยกความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอยางแสบสันต์ จึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่ไทยไม่ได้เทียบเชิญ กรณีนี้ทางการจีน ได้ประณามการผูกขาดประชาธิปไตยของสหรัฐฯและดำเนินการลาดตระเวนพร้อมรบทั้งทางทะเลและน่านฟ้าเหนือช่องแคบไต้หวัน ส่งสัญญาณบอกกลุ่มแยกดินแดนว่า จะไม่เปลี่ยนจุดยืน

เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2564 สำนักข่าวรอยเตอร์(Reuters) รายงานว่า จีนดำเนินการลาดตระเวนพร้อมรบทั้งทางทะเลและทางอากาศ ประกอบด้วยเครื่องบินรบ จำนวน 8 ลำ เครื่องบินทิ้งระเบิด H-6 ที่มีศักยภาพในการลำเลียงระเบิดนิวเคลียร์ จำนวน 2 ลำ บินผ่านบริเวณช่องแคบไต้หวัน หลังคณะผู้แทนสภาคองเกรสสหรัฐฯ เดินทางเยือนไต้หวันในวันเดียวกัน โดยคณะผู้แทนสส. จำนวน 5 คน มีนายมาร์ค ทาคาโน (Mark Takano) เป็นหัวหน้าคณะฯ ได้เข้าพบ ปธน.ไช่ อิงเหวิน ของไต้หวันเพื่อหารือในประเด็นความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน และความมั่นคงระหว่างประเทศ โดยก่อนหน้านี้สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เรียกร้องให้สหรัฐฯ ยุติการเยือนไต้หวันก่อนดำเนินการกดดันทางทหารดังกล่าว

จะเห็นได้ว่าฝ่ายบริหารของไบเดนในสัปดาห์นี้ประกาศอย่างโจ่งแจ้ง ถึงความตั้งใจที่จะข้าม คำเตือนเส้นสีแดงของจีนเกี่ยวกับไต้หวัน การเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ เป็นขั้นตอนยั่วยุโดยประมาท ซึ่งท้าทายการตอบโต้ทางทหารจากจีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หากเป็นเช่นนั้น การเดิมพันทั้งหมดจะเป็นการเผชิญหน้าทางทหารอย่างเต็มรูปแบบระหว่างสหรัฐอเมริกา พันธมิตร และจีน อาจจะกล่าวได้ว่าการปะทะกันดังกล่าวจะทวีความรุนแรงขึ้น จุดชนวนสงครามโลกครั้งที่สามได้ เมื่อพันธมิตรของทั้งสองฝ่ายขยับ ออสเตรเลียและสหราชอาณาจักรมีพันธะสัญญาอย่างชัดเจนในการเป็นพันธมิตรทางทหารกับสหรัฐฯ ในเอเชียแปซิฟิกผ่านข้อตกลง “ออคัส: AUKUS” ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้น และรัสเซียจะต้องเข้าร่วมกับจีน

วันที่เป็นปัญหาคือวันที่ 9-10 ธันวาคม 2564 ที่กำลังจะมาถึง เมื่อฝ่ายบริหารของไบเดนเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมที่เรียกว่า “การประชุมสุดยอดแห่งประชาธิปไตย” สัปดาห์นี้กระทรวงการต่างประเทศประกาศรายชื่อ “ผู้เข้าร่วม” จำนวน 110 ประเทศ จีนและรัสเซียไม่ได้รับเชิญ รวมถึงประเทศไทย-สิงคโปร์และอื่นๆ ที่ถูกกีดกัน

ที่ยั่วยุมากที่สุด เมื่อไต้หวันได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมทางวิดีโอ สหรัฐฯ ระมัดระวังที่จะเรียกไต้หวันว่าเป็น “ผู้เข้าร่วม”โดยไม่ใช้คำว่า”ประเทศ” อย่างไรก็ตามการเชื้อเชิญยังเป็นการละเมิดอย่างโจ่งแจ้งต่อการอ้างอำนาจอธิปไตยของจีนเหนือไต้หวัน

การอ้างสิทธิ์ของจีนต่อไต้หวันในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของอาณาเขตที่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้นได้รับการยอมรับจากองค์การสหประชาชาติและสหรัฐอเมริกาที่มีนโยบายจีนเดียวตั้งแต่ปี 2522

เกาะไต้หวันเป็นดินแดนปกครองตนเองตั้งแต่สงครามกลางเมืองของจีนสิ้นสุดลงในปี 2492 ด้วยชัยชนะของพรรคคอมมิวนิสต์ ฝ่ายตรงข้ามเชื่อในทุนนิยมเสรีหนีไปไต้หวัน จีนยังคงมีสิทธิที่จะรวมไต้หวันภายใต้การปกครองจากแผ่นดินใหญ่ ปักกิ่ง ส่งสัญญาณเตือนว่าจะทำโดยกองกำลังทหารหากไต้หวันประกาศเอกราช

วอชิงตันยังคงรักษาตำแหน่ง “ความคลุมเครือเชิงกลยุทธ์” โดยปากยอมรับนโยบายจีนเดียว ในขณะเดียวกันก็แสดงความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ที่จะช่วยไต้หวันในการป้องกันทางทหาร และขายอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากให้ไต้หวันอย่างต่อเนื่อง พร้อมๆกับดำเนินการโฆษณาชวนเชื่อสร้างความชอบธรรมให้ไต้หวันตัดขาดจากจีน โดยปกปิดและปฏิเสธประวัติศาสตร์ข้อเท็จจริงเรื่อง ไต้หวันเป็นเกาะที่เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน แต่ได้สิทธิในการปกครองตนเอง ตามนโยบาย 1 ประเทศ 2 ระบบของจีน โมเดลไต้หวันจึงเป็นโมเดลสงครามไฮบริด เช่นเดียวกับที่ใช้กับ ฮ่องกง ไทยและเมียนมา สำหรับฮ่องกงสหรัฐฯแพ้พ่าย ยังคงเหลือไต้หวัน-ไทย-เมียนมาที่ยังขับเคี่ยวกันอยู่อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

นับตั้งแต่โจ ไบเดนเข้ารับตำแหน่งทำเนียบขาวในเดือนมกราคมที่ผ่านมา  ฝ่ายบริหารของเขาได้นำความคลุมเครือนี้ไปสู่ระดับอันตราย จนถึงจุดหนึ่ง ที่วันนี้ปธน.ไบเดนได้ก้าวข้ามนโยบายโดยระบุอย่างชัดเจนว่าสหรัฐฯ จะปกป้องไต้หวันในกรณีที่เผชิญหน้ากับจีน

ในการประชุมสุดยอดทางไกลในวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา ปธน.สี จิ้นผิง ของจีนได้ตำหนิและเตือนเกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐฯต่อไต้หวันว่า “อย่าเล่นกับไฟ”  สีขีดเส้นสีแดงที่วอชิงตัน ต้องยุติจากการยุยงให้กับความทะเยอทะยานแบ่งแยกดินแดนของรัฐบาลไต้หวัน

การประกาศในสัปดาห์นี้ของ “การประชุมสุดยอดแห่งประชาธิปไตย” และโดยเฉพาะการเชื้อเชิญของไต้หวันในขณะที่ไม่รวมจีนนั้นมีความกล้าบ่าบิ่นและมีวาระแอบแฝง เสมือนหนึ่งว่าฝ่ายบริหารของไบเดน พร้อมจะบ่อนทำลายอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของจีน เป็นการท้ายทายยั่วยุอย่างโจ่งแจ้ง ภายใต้กลยุทธ์นี้ การขายอาวุธให้ไต้หวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการซ้อมรบของกองทัพเรือสหรัฐฯ และกองทัพอากาศในช่องแคบไต้หวันภายใต้ข้ออ้างอย่างท้าทายของสหรัฐฯว่าเป็น “เสรีภาพในการเดินเรือ”

ปธน.ไบเดนได้กำหนดให้ “ประชาธิปไตยกับเผด็จการ” เป็นเนื้อหาของทำเนียบขาวในการเรียกประชุมจาก 110 ประเทศเข้าร่วมการประชุมสุดยอดในวันที่ 9-10 ธันวาคมที่จะถึงนี้ เป็นความพยายามอย่างเย่อหยิ่ง ที่จะแบ่งเขตโลกเข้าสู่การแบ่งขั้วเท็จ โดยตั้งข้อสมมุติฐานว่าประเทศที่มีความเป็นประชาธิปไตย จะต้องอยู่ภายใต้การนำของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

อังเดร เดนิซอฟ(Andrey Denisov) เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศจีนกล่าวว่า “การประชุมสุดยอดประชาธิปไตย” ที่จะจัดขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ เป็นอีกความพยายามที่เข้าใจผิดในการแบ่งโลกออกเป็นหมวดหมู่ที่ “เหนือกว่าและด้อยกว่า” นักการทูตจากประเทศตะวันตกก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีการจัดหมวดหมู่ประชาธิปไตยของสหรัฐฯ เมื่อพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว แต่พวกเขาอายเกินกว่าจะพูดออกมาดังๆ”

จีนได้ประณามการประชุมสุดยอดดังกล่าวว่าเป็นการแบ่งขั้วเทียมของประเทศต่างๆ ให้กลายเป็นพันธมิตรและศัตรู ในสิ่งที่เป็นการย้อนอดีตของสงครามเย็นหลายทศวรรษ หวัง ยี่ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนกล่าวว่าการบิดเบือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศครั้งนี้เป็นเพียงอุบายของสหรัฐฯ ในการใช้ความทะเยอทะยานที่จะเป็นมหาอำนาจเดี่ยวครองโลก

จีนกล่าวว่า ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสหรัฐฯ ที่จะกำหนดว่าอะไรคือประชาธิปไตย อะไรไม่ใช่ ปักกิ่งยืนยันว่า “ประชาธิปไตยเป็นของมวลมนุษยชาติ” ไม่ใช่แค่การจัดรอบการเลือกตั้งเท่านั้น ในกรณีของสหรัฐอเมริกา “ประชาธิปไตย” ของประเทศนั้นถูกครอบงำโดยสองฝ่ายที่นำโดยนายทุนใหญ่และผู้มีอุดมการณ์ของวอลล์สตรีท บันทึกข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความยากจน ความาเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียม การเหยียดเชื้อชาติ และภาวะโลกร้อน มีอยู่มากมายในสหรัฐฯที่จะลบล้างคำกล่าวอ้างที่ว่าสหรัฐฯเป็น “ประชาธิปไตย” ที่สมบูรณ์แบบ

มีความรู้สึกที่แน่ชัดว่าจีนระมัดระวังกับการยั่วยุของสหรัฐฯ  แต่แผ่นดินใหญ่กำลังเตรียมการทางทหารสำหรับการประลองกับไต้หวัน การเคลื่อนไหวที่บ้าคลั่งของวอชิงตันเพื่อเรียก “การประชุมสุดยอดของระบอบประชาธิปไตย” อาจเป็นการกระทำครั้งสุดท้ายของการหักหลังของรัฐบาลสหรัฐฯต่อชาวอเมริกัน สงครามอยู่ในแผนการ และชาวโลกอาจต้องเผชิญกับวันเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 3 ก็อาจเป็นได้??

Exit mobile version