“เทพมนตรี” โบกมือลาก่อน “แอมเนสตี้” ภัยคุกคามความมั่นคง แถมเข้าข่ายคดีเพียบ

2032

ถ้ารอด ก็แปลกมาก!? “เทพมนตรี” โบกมือลาก่อน “แอมเนสตี้” ภัยคุกคามความมั่นคง แถมเข้าข่ายคดีเพียบ “นายกฯ” ต้องขยับขับไล่!

สืบเนื่องจากกรณีที่ทางด้านของ แอมเนสตี้ ได้เคลื่อนไหวที่ค่อนข้างส่อไปในทางแทรกแซงคำตัดสินของศาลฯไทย โดยการกดดันล่า 1 ล้านรายชื่อ เพื่อส่งต่อไปให้องค์กรเครือข่ายทั่วโลก ให้มาช่วยกดดันศาลฯไทย ให้ปล่อยตัว “รุ้ง ปนัสยา” แกนนำคณะราษฎร ที่กระทำความผิดซ้ำซาก จะศาลฯเห็นแล้วจำเป็นต้องสั่งค้านประกัน

จนทำให้ประชาชนชาวไทยเริ่มรู้สึกว่า องค์กรอิสระนี้กำลังเป็นภัยต่อชาติและความมั่นคงหรือไม่ ซึ่งในวันนี้ (25 พ.ย.64) ได้มีการรวมตัวกันทั้งหมด 6 กลุ่ม เพื่อเรียกร้องให้มีการขับแอมเนสตี้ออกจากประเทศไทย

ล่าสุดในวันที่ 25 พ.ย.64 ทางด้านของ นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊ก Thepmontri Limpaphayorm โดยระบุข้อความว่า

ลาก่อนแอมเนสตี้ไทยแลนด์
ก่อนอื่นต้องมีความรู้ก่อนไปเรียกร้องให้ยกเลิกกิจการแอมเนสตี้ไทยแลนด์ โดยเฉพาะต้องพกพา “ระเบียบกระทรวงแรงวานและสวัสดิการสังคมว่าด้วยการเข้ามาดำเนินขององค์การเอกชนต่างประเทศในประเทศไทย พ.ศ.2541” ไปด้วย

ผมทราบข่าวว่าวันนี้จะมี 6 กลุ่มองค์กรจะไปทำเนียบรัฐบาลเพื่อเรียกร้องให้ท่านนายกรัฐมนตรีขับแอมเนสตี้ไทยแลนด์ออกจากประเทศไทย
ผมคิดว่าถ้าท่านนายกกล้าตัดสินใจสามารถทำได้โดยเร็วดังนี้

1. กรณีเร่งด่วน! ท่านนายกทำคำสั่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมดำเนินการระงับใบอนุญาตประกอบกิจการองค์การเอกชน แอมเนสตี้ไทยแลนด์ได้ทันที
2.แต่ถ้าท่านนายกอยากจะทำแบบช้าๆก็คือ ออกคำสั่งให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ส่งเรื่องต่อไปยัง “คณะกรรมการพิจารณาการดำเนินงานขององค์การเอกชนต่างประเทศ” (ประกอบไปด้วยหลายหน่วยงาน) ซึ่งหากผลสอบสวนออกมาอาจแค่ตักเตือน (ในกรณีที่แอมเนสตี้เส้นใหญ่)
การสืบสวนเมื่อเสร็จสิ้นในกรณีเส้นใหญ่ อาจเป็นเพียงออกหนังสือ “ตักเตือนพฤติกรรม” ซึ่งทำให้แอมเนสตี้ไทยแลนด์อยู่ต่อได้

ใบอนุญาตให้แอมเนสตี้ไทยแลนด์ประกอบกิจการรับเงินบริจาคในประเทศไทยมีอายุ 2 ปี ต่ออายุก่อนหมดเวลาภายใน 90 วัน นอกเสียจากคณะกรรมการฯจะไม่ต่ออายุซึ่งแอมเนสตี้ฯสามารถอุธรณ์ไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานฯ ได้ ภายใน 30 วัน โดยอำนาจสิทธิ์ขาดเป็นของรัฐมนตรี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมีอำนาจเป็นสิทธิ์ขาด

พูดง่ายๆ ท่านนายกสั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานระงับใบอนุญาตประกอบกิจการขององค์การแอมเนสตี้ไทยแลนด์ได้เลยเป็นอันดับแรก แล้วค่อยสอบสวน
แต่จะทำหรือไม่ก็อยู่ที่ตัวท่าน!

ข้อหาที่มีต่อแอมเนสตี้และการทำผิดระเบียบมีมากมายหลายอย่างเช่น การออกมาโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเพียงข้อเดียวก็ทำให้แอมเนสตี้ออกจากประเทศไทยได้แล้ว นี่ไม่นับรวมการเลือกข้างฝักใฝ่การเมือง ให้การสนับสนุนม็อบ และทำตัวเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศไทย
ที่ทำการแอมเนสตี้ฯเลขที่ 139/21 ซอยลาดพร้าว 5 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 เป็นที่เช่าประกอบกิจการ ถ้าเลิกก็เก็บของหอบเงินกลับ!
เอาไว้ผมจะเล่ารายละเอียดอื่นๆอีก