หลังจากที่แอมเนสตี้ ได้ออกมาเปิดตัวแคมเปญ ‘Write for Rights’ – เขียน เปลี่ยน โลก แคมเปญรณรงค์สิทธิมนุษยชนประจำปีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งผู้คนนับล้านทั่วโลกมารวมตัวกันเพื่อปกป้องสิทธิของผู้อื่น กิจกรรมนี้จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 20 และในปีนี้เคสของ “รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล” ได้ส่งถึงผู้สนับสนุนของแอมเนสตี้ทั่วโลกให้ช่วยกันส่งข้อเรียกร้องถึงรัฐบาลไทยเพื่อให้ยุติการดำเนินคดีและข้อกล่าวหาทั้งหมดต่อรุ้ง พร้อมทั้งจี้ให้รัฐบาลไทยหยุดดำเนินคดีกับรุ้ง ปนัสยา และปล่อยตัวให้เป็นอิสระ
ทั้งนี้พบว่าในเว็บไซต์ของ Amnesty International Thailand ได้โพสต์ให้คนทั่วโลกเข้ามาลงชื่อ เพื่อช่วยรุ้ง ปนัสยา ซึ่งมีรายละเอียดตั้งเป้าไว้ที่ 10,000 รายชื่อ แต่ตอนนี้พบว่ายังไม่ถึงเกณฑ์ หลังจากที่มีการเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2564 นอกจากนี้ ยังมีถ้อยคำจากรุ้ง เขียนในจดหมาย ระบุด้วยว่า “รุ้ง ปนัสยา-ในนามของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ฉันอาจถูกจําคุกตลอดชีวิตเพียงเพราะใช้สิทธิในเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบ และออกมาเรียกร้องความเสมอภาคเสรีภาพ และการปฏิรูปสถาบัน ฉันต้องเผชิญข้อหาหลายสิบข้อ และหากพบว่ามีความผิด ฉันอาจจะต้องถูกจำคุกตลอดชีวิต ข้อความของพวกคุณมีพลังมาก คุณจะช่วยให้ฉันมีอิสระได้”
โดยในจดหมายถ้อยคำของรุ้ง จะเห็นว่า เจ้าตัวอ้างเรื่องการชุมนุมโดยสงบ และไม่ได้กล่าวถึงความผิดในมาตรา 112 หรือคดีอื่น ๆ ที่ตนเองกระทำลงไปแม้แต่น้อย รวมไปถึงคำว่าการปฏิรูปสถาบัน ที่เจ้าตัวมักอ้างอยู่บ่อย ๆ บนทวิตเตอร์ส่วนตัว ก็พบว่า ที่จริงแล้วเข้าข่ายล้มล้าง ดังที่ศาลรธน.ได้วินิจฉัย เพราะในโลกโซเชียลเคยจับโป๊ะ ที่รุ้งอ้างว่า ไม่ได้จะปฏิวัติ แต่จะปฏิรูป แต่เมื่อย้อนไปในการชุมนุมวันที่ 10 ส.ค. 2563 แบล็กกราวบนเวทีปราศรัย กับมาคำว่าปฏิวัติปรากฎอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตามในส่วนของการลงชื่อร่วมแคมเปญ พบว่าให้กรอกข้อมูลเพียงไม่กี่อย่าง เพียงชื่อ นามสกุล เบอร์โทร อีเมล์ และเมืองที่อยู่ รวมทั้งยังสามารถกรอกข้อมูลที่ไม่เป็นจริงลงไปได้ โดยระบบก็จะนับชื่อว่าลงร่วมแคมเปญสนับสนุนช่วยรุ้ง ปนัสยา เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้การออกมาเคลื่อนไหวของแอมเนสตี้ ที่มีต่อรุ้ง ทำให้ประชาชนไทยจำนวนมาก ลุกฮือขึ้นมาต่อต้าน และเรียกร้องให้มีการไล่องค์กรของแอมเนสตี้ให้พ้นประเทศไทยด้วย