ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน และสมเด็จพระราชาธิบดีฮัสซานัล โบลเกียห์ แห่งบรูไน เป็นประธานร่วมการประชุมสุดยอดพิเศษ เนื่องในโอกาสครบ 30 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอาเซียน อาเซียนไม่มีผู้แทนจากเมียนมาเข้าร่วมการประชุมเช่นเดียวกับการประชุมอาเซียนซัมมิตครั้งที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่า รัฐบาลเมียนมาไม่ส่งผู้แทนเข้าร่วม หลังจากประเทศสมาชิกอาเซียนบางประเทศคัดค้านคำเชิญของจีน ที่ต้องการเชิญพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ร่วมประชุมด้วย
ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในทะเลจีนใต้ที่เพิ่มมากขึ้น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวกับผู้นำอาเซียนว่า จีนไม่ได้ต้องการพยายามมีอำนาจเป็นเจ้าโลก และจีนจะไม่ข่มเหงรังแกชาติเพื่อนบ้านในภูมิภาคนี้ หลังสิ้นสุดการประชุม จีนและอาเซียน ได้ตัดสินใจจัดตั้งหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม ซึ่งเป็นก้าวใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายที่จะส่งแรงผลักดันใหม่สู่สันติภาพ เสถียรภาพ การพัฒนาในภูมิภาคและโลก
วันที่ 23 พ.ย.2564 สำนักข่าวซินหัวและโกลบัลไทมส์รายงานว่าในการประชุมซัมมิตอาเซียนในวาระพิเศษครบรอบ 30 ปี ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงกล่าวกับผู้นำอาเซียนว่า จีนเป็นเพื่อนบ้านที่ดี, เป็นเพื่อนที่ดี และหุ้นส่วนที่ดีของอาเซียน ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และจะเป็นตลอดไป สีให้คำมั่นด้วยว่า จีนไม่คิดครองความเป็นใหญ่ และจะไม่รังแกประเทศเล็กกว่าอย่างแน่นอน จีนจะทำงานร่วมกับอาเซียนเพื่อกำจัด “การแทรกแซง”จากภายนอกภูมิภาคอย่างไม่สมเหตุผล
สีกล่าวด้วยว่า จีนและอาเซียนละทิ้งความมืดมนแห่งสงครามเย็นแล้ว และได้ร่วมมือกันรักษาเสถียรภาพในภูมิภาค “เราต้องร่วมกันรักษาเสถียรภาพของทะเลจีนใต้ และสร้างทะเลจีนใต้ให้เป็นทะเลแห่งสันติภาพ, มิตรภาพ และความร่วมมือ”
นักวิเคราะห์ชาวจีนกล่าวว่าการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมหมายถึงความร่วมมือในระดับสูงซึ่งจะมีความสำคัญระดับโลก และยังหมายความว่าจีนจะแบ่งปันผลกำไรจากการพัฒนาต่อไปและเปิดตลาดให้กับคู่ค้าในอาเซียน และจีนจะมีผลงานที่ดีขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น กลไกบนพื้นฐานของความไว้วางใจซึ่งกันและกันในการแก้ไขความแตกต่าง เช่น ข้อพิพาทดินแดนในทะเลจีนใต้กับสมาชิกอาเซียนบางกลุ่ม
หลังจากประกาศการก่อตั้งหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมระหว่างจีน-อาเซียน สีกล่าวว่า “นี่เป็นก้าวใหม่ในประวัติศาสตร์ของความสัมพันธ์ของเรา และจะฉีดแรงผลักดันใหม่สู่สันติภาพ เสถียรภาพ ความเจริญรุ่งเรือง และการพัฒนาในภูมิภาคของเราและโลก”
อ้างสุภาษิตจีนที่ว่า “ระยะทางทดสอบความแข็งแกร่งของม้า และเวลาเผยให้เห็นความสมบูรณ์ของบุคคล” สีกล่าวว่าจีนเป็นเพื่อนบ้านที่ดี เพื่อนที่ดี และหุ้นส่วนที่ดีของอาเซียนเสมอ
ดร.ซู ลิปิง ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(Dr.Xu Liping, director of the Center for Southeast Asian Studies at the Chinese Academy of Social Sciences in Beijing) ในกรุงปักกิ่งกล่าวว่า “ความร่วมมือระหว่างจีนกับอาเซียนในอนาคตจะไม่จำกัดเฉพาะภูมิภาคนี้ แต่จะมีผลความสำคัญทั่วโลก “
ซึ่งรวมถึงความร่วมมือด้านพลังงานสะอาด วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยระบุว่าจีนจะแบ่งปันเทคโนโลยีและการตลาดกับพันธมิตรในอาเซียนและกระชับความร่วมมือที่มีอยู่ และคาดว่าเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน จะกลายเป็นภูมิภาคที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดทั่วโลกในการฟื้นตัวหลังเกิดโรคระบาดในอนาคต
ปธน.สี จิ้นผิงได้เสนอข้อเสนอ 5 ประการเกี่ยวกับการพัฒนาความสัมพันธ์ในอนาคตระหว่างจีนและอาเซียนในการประชุมสุดยอดครั้งนี้ ได้แก่ การสร้างบ้านที่สงบสุขร่วมกัน สร้างบ้านที่ปลอดภัยและมั่นคงร่วมกัน สร้างบ้านที่เจริญรุ่งเรืองร่วมกัน สร้างบ้านที่สวยงามไปด้วยกัน และสร้างบ้านที่เป็นมิตรร่วมกัน
จีนสนับสนุนความพยายามของอาเซียนในการสร้างเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ และพร้อมที่จะลงนามในพิธีสารของสนธิสัญญาว่าด้วยเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
หลี่ ไห่ตง(Li Haidong) ศาสตราจารย์แห่งสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัย ไชน่าฟอเรนแอฟแฟร์ (China Foreign Affairs University) กล่าวว่า “การเน้นว่าการสนับสนุนเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์มุ่งเป้าไปที่พฤติกรรมที่ขาดความรับผิดชอบของการแพร่กระจายของนิวเคลียร์ที่ทำโดยพันธมิตร AUKUS ที่นำโดยสหรัฐฯ”
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ออสเตรเลียเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ที่ผ่านมา ในโครงการที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดในการจัดหาเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ให้กับกองทัพเรือของตน ในพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศใหม่กับสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ความพยายามดังกล่าวได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับประเทศสมาชิกอาเซียน เช่น มาเลเซีย อินโดนิเซียและสิงคโปร์
ประเด็นละเอียดอ่อนเรื่อง ข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ ได้รับการพูดคุยอย่างเปิดเผยเรื่องนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในการประชุมซัมมิตเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ปธน.โรดริโก ดูเตอร์เตของฟิลิปปินส์ แสดงความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งกับจีนในทะเลจีนใต้เมื่อเร็วๆ นี้ และกล่าวว่ากฎหมายและหลักนิติธรรมเป็นหนทางเดียวที่จะขจัดปัญหา
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ช่องทางทวิภาคีของจีนและฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง กุญแจสำคัญคือสร้างกลไกที่มีประสิทธิภาพและครบถ้วนที่ได้รับการยอมรับทั้งสองฝ่ายเพื่อป้องกันการคำนวณผิดและความเข้าใจผิดและสามารถแก้ปัญหาได้อย่างสันติ
ปธน.สี จิ้นผิงได้ให้คำม้่นสนับสนุนประชาคมอาเซียนฟันฝ่าการระบาดโควิด โดยจีนพร้อมที่จะบริจาควัคซีนป้องกันโควิด-19 อีก 150 ล้านโดสให้กับสมาชิกอาเซียน เพื่อสนับสนุนอัตราการฉีดวัคซีนที่สูงขึ้นในประเทศต่างๆ ในภูมิภาค
พร้อมบริจาคเงินเพิ่มอีก 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับกองทุน COVID-19 ASEAN Response Fund ยกระดับการผลิตวัคซีนร่วมกันและการถ่ายทอดเทคโนโลยี และร่วมมือกันในการวิจัยและพัฒนายาที่จำเป็นเพื่อช่วยให้อาเซียนสามารถพึ่งพาตนเองได้เพิ่มขึ้น
ให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาแก่อาเซียนอีก 1,500 ล้านดอลลาร์ในอีก 3 ปีข้างหน้า เพื่อสนับสนุนการต่อสู้ของสมาชิกอาเซียนในการต่อสู้กับโควิด-19 และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
และจีนจะเปิดตัวโครงการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมจีน-อาเซียน จะได้จัดหาเทคโนโลยีขั้นสูงและประยุกต์ 1,000 รายการแก่อาเซียน และสนับสนุนโครงการสำหรับนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ 300 คนจากอาเซียนเพื่อแลกเปลี่ยนในจีนในอีก 5 ปีข้างหน้า