คนรู้จริง เผยเอง! “เทพไท” แซะ “ประชาธิปไตยเงินสด” พร้อมแฉยับ พรรคการเมือง ซื้อเสียงกันสนั่น หวังครองภาคใต้ จนกลายเป็นวัฒนธรรม!
สืบเนื่องจากที่หลายๆพรรคการเมือง พยายามลงพื้นที่หวังเจาะกลุ่มภาคใต้ เพราะต้องยอมรับว่าภาคใต้ เป็นประชาชนที่มีฐานเสียงเหนียวแน่น และเป็นฐานเสียงที่สำคัญมากๆ ทุกพรรคการเมืองจึงคาดหวังว่าจะได้ใจของคนใต้
ล่าสุดในวันที่ 21 พ.ย.64 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่าน Facebook ส่วนตัว โดยมีรายละเอียดว่า
” ผมเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไป ในสนามเลือกตั้งภาคใต้ จะมีความเข้มข้นและดูเดือดมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นพื้นที่เป้าหมายแห่งใหม่ ของพรรคการเมืองหลายพรรค จากเมื่อก่อนพื้นที่ภาคใต้ เป็นพื้นที่ฐานเสียงผูกขาดของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีฐานคะแนนสัดส่วน 70% อีก 30% คือกลุ่มคนที่ไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์
แต่ในการเลือกตั้ง เมื่อปี 2562 ฐานคะแนนที่เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ถูกแบ่งไปเลือกพรรคพลังประชารัฐ จากความนิยมในตัวพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือกระแสลุงตู่ฟีเวอร์ และมีบางพื้นที่ถูกเจาะฐานคะแนนโดยพรรคภูมิใจไทย แต่ในสัดส่วนของกลุ่มคน ที่ไม่เลือกประชาธิปัตย์ 30% ก็ยังเหนียวแน่นคงเดิม เมื่อพรรคเพื่อไทยไม่ส่งผู้สมัคร พรรคไทยรักษาชาติถูกยุบก่อนการเลือกตั้ง คะแนนส่วนนี้ ก็กลับไปเลือกพรรคอนาคตใหม่ และพรรคการเมืองอื่นๆ ตามลำดับ
สำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไปฐานคะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะถูกแบ่งออกไปอีกจากพรรคกล้า ยิ่งมีพันเอกสุชาติ จันทร์โชติกุล เข้ามาเสริมทัพ ก็จะทำให้กลุ่มคนที่เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่มความหนักแน่นเพียงพอ อาจเปลี่ยนใจไปเลือกพรรคกล้าอีกก็ได้ เพราะหัวหน้าพรรคคือ นายกรณ์ จาติกวณิชย์ ก็เคยเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐมนตรีคลังในรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาก่อน
ยิ่งตอนนี้สถานการณ์การเมืองในพื้นที่ภาคใต้ มีความเปลี่ยนแปลงจากครั้งในอดีตเป็นอย่างมาก กระแสการซื้อสิทธิ์ขายเสียงรุนแรง ไม่แพ้ในภาคอื่นๆ จึงทำให้พรรคการเมืองที่เคยประสบความสำเร็จ จากการใช้เงินในการเลือกตั้งในภาคอื่น ได้เปลี่ยนยุทธศาสตร์นำกระแสการใช้เงินมาเจาะในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งประสบความสำเร็จมากกว่าในภาคอื่นๆด้วยซ้ำไป
จากการทดลองใช้เงินในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเริ่มเข้าเป้า และตอนนี้ประชาชนในภาคใต้ เริ่มคุ้นชินกับกระแสการใช้เงิน ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน กำลังจะกลายเป็นประเพณีวัฒนธรรม “เงินไม่มา กาไม่เป็น” อีกพื้นที่หนึ่ง นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง จนกำลังเป็นที่กล่าวขานกันว่า เป็นยุคประชาธิปไตยเงินสด อย่างแท้จริง”