รัสเซียประณามสหรัฐ “ตั้งใจแทรกแซงอย่างเปิดเผย” ต่อการที่สภาผู้แทนราษฎรในกรุงวอชิงตัน เตรียมพิจารณาร่างมติ “ไม่ยอมรับ” ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน หลังปี 2567 สว.รัสเซียระบุว่าเป็นการยั่วยุ และโฆษณาชวนเชื่อที่ไร้ยางอาย กล่าวหารัสเซียเลือกตั้งทุจริต ลืมมองบ้านตัวเอง ก่อนไบเดนครองอำนาจเรื่องทุจริตเลือกตั้งยังคาใจชาวอเมริกันจนทุกวันนี้
เมื่อวันที่ 20 พ.ย.2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ว่านายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับร่างมติของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ว่าด้วย “การไม่ยอมรับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ในฐานะผู้นำรัสเซีย หลังปี 2567” เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ “ไม่ละอาย ไร้สาระ ไม่เป็นมิตร และไม่สร้างสรรค์” แต่ยิ่งทำให้ทั่วโลกได้ประจักษ์ ว่าสหรัฐเป็นประเทศที่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่นอย่างไม่ปิดบัง
ขณะที่นายคอนสแตนติน โคซาเชฟ รองประธานวุฒิสภาของรัสเซีย วิจารณ์ร่างมติดังกล่าวว่า “เป็นการคุกคามเพื่อสั่นคลอนความพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี” และสหรัฐแสดงออกชัดเจนตั้งแต่ต้น ว่าต้องการแทรกแซงกระบวนการเลือกตั้งประธานาธิบดีของรัสเซีย ด้านทำเนียบขาวและกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการ
จนถึงขณะนี้ ปูตินยังคงรักษาท่าทีเกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองของตัวเอง เมื่อครบวาระการดำรงตำแหน่งปัจจุบัน ในปี 2567 อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของรัสเซีย ซึ่งมีการแก้ไขบางมาตราที่บัญญัติเมื่อปี 2536 และเนื้อหาที่ผ่านการปรับแก้ผ่านการลงประชามติรับรองแล้ว เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2563 ซึ่งผลปรากฏว่า 78% ให้ความเห็นชอบ มีการะบุเกี่ยวกับ การไม่จำกัดระยะเวลา สำหรับบุคคลหนึ่งในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมถึงตำแหน่งประธานาธิบดี
แต่การที่ผู้นำรัสเซียเคยกล่าวว่า ต้องการให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านการลงประชามติจากประชาชน “เพื่อสร้างความชอบธรรม” ดูเป็นการส่งสัญญาณโดยนัย ว่าอาจลงสมัครรับเลือกตั้งอีก และมีโน้มสูงมากที่ปูตินจะเป็นผู้ชนะต่อเนื่องอีก 2 สมัย หรือ 12 ปี โดยจะเท่ากับการดำรงตำแหน่งผู้นำรัสเซียยาวนานถึงปี 2579 ซึ่งในเวลานั้นเจ้าตัวจะมีอายุมากถึง 83 ปี สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้นำรัสเซียยาวนานที่สุด นับตั้งแต่นายโจเซฟ สตาลิน ซึ่งอยู่ในตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียตต่อเนื่องนาน 30 ปี
สว.ลีโอนิด ซลุตสกี้(Leonid Slutsky)ประธานคณะกรรมการดูมาแห่งรัฐ ด้านกิจการระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ ต่อต้านข้อเสนอมติที่ส่งไปยังรัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกา เพื่อยุติการยอมรับปธน.วลาดิมีร์ ปูติน หากเขายังคงดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะสิ้นสุดวาระ ซึ่งวาระปัจจุบันจะสิ้นสุดในปี 2567
ซลุตสกี้ตราหน้าว่าเป็นการกระทำยั่วยุและประชานิยมที่น่ารังเกียจ ยิ่งไปกว่านั้น ฝ่ายนิติบัญญัติของอเมริกาควรให้ความสำคัญกับระบบการเลือกตั้งที่ล้าสมัยของตนเองเสียก่อน
ประธานกรรมาธิการฯกล่าวว่า “การยั่วยุ ประชานิยม และการโฆษณาชวนเชื่อทางการเมืองที่มากขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนให้เห็นได้ชัดว่า การกระทำของสหรัฐไม่ได้เกิดจากสติปัญญาหรือความสามารถใดๆ ที่ยิ่งใหญ่ หากสภาผู้แทนราษฎรนำมตินี้มาใช้ การฟื้นฟูความร่วมมือระหว่างรัฐสภาระหว่างรัสเซีย-อเมริกัา และในภาพรวมจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
เขาตั้งข้อสังเกตว่าฝ่ายนิติบัญญัติ รับรู้ถึงการละเมิดในการยอมรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัสเซีย และกล่าวหาคนอื่นว่าไม่ชอบธรรม ตีความบทบัญญัติบางประการเพื่อประโยชน์ของตน พวกที่เสนอมตินี้เชื่อว่าพวกเขามีอำนาจเหนือคนรัสเซียทั้งหมดและพวกเขารู้ดีกว่าซึ่งมันไม่ใช่
ประธานคณะกรรมการดูมาแห่งรัฐ เน้นว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรวิพากษ์วิจารณ์การลงคะแนนเสียงแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัสเซีย โดยกล่าวหาว่าไม่โปร่งใส เขากล่าวว่า “ดูเหมือนว่า ที่แท้แล้วพวกเขาจะบรรยายถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่เกิดขึ้นในประเทศของพวกเขาเองมากกว่า สาธารณชนได้เห็นการลงคะแนนทางไปรษณีย์ ที่น่าสงสัย เมื่อสามารถส่งบัตรลงคะแนนล่วงหน้าได้ การเปลี่ยนแปลงที่น่าสงสัยก็ปรากฏขึ้นในการนับคะแนน และบรรดาผู้ที่คัดค้านต่อสาธารณะ และร้องเรียนผลลัพธ์จบลงที่หลังลูกกรง”
วุฒิสมาชิกสรุปว่า “ผู้เสนอยัตินี้ควรจัดการกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และระบบการเลือกตั้งแบบเก่าของพวกเขาให้เรียบร้อย ก่อนมาเที่ยวเรียกร้องให้ไม่ยอมรับการเลือกตั้งของรัสเซียในปีพ.ศ.2567 หากวลาดิมีร์ ปูตินลงสมัครรับตำแหน่งประธานาธิบดี และไม่ยอมรับชัยชนะในการเลือกตั้ง ก็จะถือเป็นการแทรกแซงโดยตรงต่อกิจการภายในของรัสเซีย”
ก่อนหน้านี้ส.ส.สตีฟ โคเฮน (Steve Cohen)จากพรรคเดโมแครต รัฐเทนเนสซี พร้อมด้วยโจ วิลสัน จากพรรครีพับลิกัน เซาท์แคโรไลนา เป็นผู้เสนอมติรัฐสภาต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อยุติการรับรองวลาดิมีร์ ปูตินในฐานะประธานาธิบดีของรัสเซีย หากเขายังคงดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะสิ้นสุดวาระปัจจุบันของเขาวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2567