จากกรณีทางด้านของ อัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน , น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง , น.ส.เบนจา อะปัน , นายภวัต หิรัณย์ภณ และนายภาณุพงศ์ หรือไมค์ จาดนอก ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-5 ตามลำดับ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
โดยศาลได้ให้เหตุผลว่าพิเคราะห์แล้วจำเลยที่ 2 หรือ รุ้ง ภายหลังถูกฟ้องคดีนี้แล้วก็ได้เคยกระทำความผิดตามลักษณะเดียวกับที่ถูกฟ้องมาเเละจำเลยที่ 2 ยังถูกดำเนินคดีในลักษณะเดียวกันที่ศาลอาญา จึงเกรงว่าถ้าปล่อยไปจะไปกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันอีกจึงให้ยกคำร้องขอประกันตัว ส่งผลให้ต้องเข้าเรือนจำเมื่อวันที่ 15 พ.ย.64 ที่ผ่านมา
ต่อมานางสาวปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เปิดเผยว่า แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลทั่วโลกเปิดตัวแคมเปญ “Write for Rights” หรือ “เขียน เปลี่ยน โลก” โดยแคมเปญนี้ เกิดขึ้นเมื่อกลุ่มนักกิจกรรมในโปแลนด์จัดงานเขียนจดหมายมาราธอน 24 ชั่วโมง โดยเขียนจดหมายทั้งวันทั้งคืนในนามของผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิ และ 20 ปีต่อมาก็กลายเป็นการรณรงค์ที่ยิ่งใหญ่
นอกจากนี้ นางสาวปิยนุช ยังได้เปิดเผยอีกว่า โดยในปีนี้เคสของ “รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล” จากประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญนี้เป็นครั้งแรก ซึ่งอ้างว่าการจับกุม รุ้ง ปนัสยา ไม่มีความเป็นธรรม
ขณะที่ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยกับ ดร.เวทิน ชาติกุล ผู้อำนวยการสถาบันทิศทางไทย ถึงการดำเนินการกับแอมเนสตี้ฯว่าได้เตรียมจัดแคมเปญด้วยเช่นกัน นั่นก็คือการรวบรวมรายชื่อคนไทย ทั้งหมดจำนวน 1 ล้านรายชื่อ เพื่อยื่นเสนอให้ ขับไล่ “แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย” ไม่ให้มาแทรกแซงประเทศไทย
ด้านนายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊กถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า
“เรื่องแอมเนสตี้ ท่านเสกสกล เป็นถึงผู้ช่วยรัฐมนตรี ติดสอยห้อยตามลุงตู่อยู่เคียงข้าง ทำรายงานเสนอให้ขับองค์กรนี้ออกจากประเทศ ง่ายกว่าล่ารายชื่อ 1ล้านเสียง ทำวันนี้ พรุ่งนี้ก็จบ จะเสียเวลาทำไม ตรงๆ ง่ายๆ”
ล่าสุดวันนี้ 20 พฤศจิกายน 2564 นายเสกสกล ได้ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าว โดยได้ชี้แจงเพิ่มเติมต่อนายเทพมนตรี ที่ได้กล่าวถึงด้วยว่า
“เรียนท่านอาจารย์เทพมนตรีที่เคารพ ผมคิดไว้ทั้งสองแนวทางครับ ทางที่หนึ่งในข้อกฎหมายขอดูรายละเอียดให้ชัดเจนจะได้ไม่ผิดพลาด
ทางที่สอง ต้องเอากระแสสังคมประชาชน มาช่วยกดดัน จะได้ไม่ถูกพวกฝ่ายค้านพวกเดียวกับองค์กรบ้าๆนี้ จะรุมถล่มว่าใช้อำนาจรัฐรังแก หรือ ว่าบ้าอำนาจ
สุดท้ายนายกฯลุงตู่โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง คิดจะใช้อำนาจมันง่าย แต่ทำอะไรที่จะส่งผลต่อความเสียรัฐบาล ก็ต้องรอบครอบรัดกุมสักนิด องค์กรเลวๆแบบนี้ เอาไว้ไม่ได้แน่ครับอาจารย์ครับ ช่วยกันทุกรูปแบบทุกช่องทางขจัดคนเลวๆให้พ้นไปจากผืนแผ่นดินนี้ให้ได้ครับ กราบขอบคุณท่านอาจารย์มากครับ”
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นายเสกสกล ก็ได้เปิดเผยผ่านสื่อทั่วประเทศว่า องค์กรแห่งนี้อุปโลกน์ตัวเองว่าเป็นองค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชน แต่การกระทำนั้นเข้าข่ายสนับสนุนให้กลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งละเมิดอำนาจศาล และละเมิดสิทธิมนุษยชนสถาบันพระมหากษัตริย์ และประชาชนส่วนใหญ่ ที่สำคัญองค์กรแห่งนี้เป็นองค์กรต่างชาติ ไม่ควรยุ่งเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองของไทยอย่างยิ่ง