3 กีบเมียนมา เคลื่อนไหวในนามรัฐบาลเงาของพรรค NLD ของอองซาน ซูจีเปิดให้จองซื้อพันธบัตรปลอดดอกเบี้ยแล้ว ในวันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายนนี้ ตั้งเป้าระดมเงิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาใช้เคลื่อนไหวขับไล่“มิน อ่องหล่าย” เป็นยุทธวิธีหนึ่งที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่ได้รับการหนุนหลังจากสหรัฐฯ ใช้เป็นไม้ตายเพื่อเปิดช่องระดมเงินโดยไม่มีใครตรวจสอบได้ เพื่อใช้ในการต่อสู้ให้บรรลุเป้าหมายสงครามชิงอำนาจ ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เป็นภาพซ้ำที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ตลอดเวลาที่มีการประท้วงของกลุ่ม 3 กีบไทย และพบเส้นทางการเงินของผู้นำกลุ่มต้านรัฐไทยมีการโอนเงินจากต่างประเทศเข้าบัญชีนักเคลื่อนไหวจริง เช่นเดียวกับกรณีการฟอกเงินของผู้นำนักธุรกิจและนักศึกษาในฮ่องกงที่เป็นหัวหอกในการแบ่งแยกฮ่องกงจากจีนแผ่นดินใหญ่ซึ่งขณะนี้ถูกตัดสินจำคุกยาว
นอกเหนือไปจากการพยายาม สร้างการยอมรับในระดับสากล รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ซึ่งเป็นรัฐบาลเงาที่สถาปนาขึ้นโดยสมาชิกพรรค NLD ได้ประกาศกำหนดวันเริ่มต้นจองซื้อพันธบัตรระดมเงินสำหรับใช้เคลื่อนไหว ต่อสู้เพื่อขับไล่รัฐบาลของสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC)แห่งเมียนมาให้ลงจากอำนาจ ในวันที่ 22 พ.ย.ที่จะถึงนี้
พันธบัตร NUG เป็นพันธบัตรปลอดดอกเบี้ย มีอายุ 2 ปี แบ่งเป็น 4 ชนิดตามมูลค่าหน้าตั๋ว ได้แก่ พันธบัตรมูลค่า 100 ดอลลาร์ 500 ดอลลาร์ 1,000 ดอลลาร์ และ 5,000 ดอลลาร์
เมื่อวันที่ 16 พ.ย.2564 สำนักข่าว Mizzima รายงานโดยไม่ได้ให้รายละเอียดสถานที่จองซื้อสำหรับผู้ที่สนใจลงทุนกับพันธบัตร NUG ว่าสามารถติดต่อได้ที่ไหน เพียงระบุวงเงินไว้ว่า ผู้จองซื้อแต่ละคน สามารถซื้อพันธบัตรได้ถึงคนละ 5 แสนดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2564 อู ตินทูนไหน่ รัฐมนตรีกระทรวงวางแผน การคลัง และการลงทุนรัฐบาลเงา NUG ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุเอเซียเสรี (RFA) ภาคภาษาพม่าว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี NUG เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ได้รับรองแผนระดมทุน ด้วยการออกพันธบัตรขายแก่ประชาชนและองค์กรที่คัดค้านการรัฐประหารของกองทัพพม่า โดยตั้งเป้าว่าจะระดมเงินทุนให้ได้ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
วันที่ 27 ต.ค.2564 อู ตินทูนไหน่ ลงนามในประกาศ NUG ฉบับที่ 12/2021 อ้างอำนาจตามกฏหมายบริหารหนี้ ที่ NUG ประกาศใช้เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ซึ่งให้อำนาจ NUG ในการแสวงหาเงินทุนเพื่อใช้เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลทหาร ด้วยการขายพันธบัตรปลอดดอกเบี้ย อายุ 2 ปี วงเงินรวม 1,000 ล้านดอลลาร์ หรือเทียบเท่า
The Diplomat รายงานเมื่อต้นเดือนกันยายนว่า นับแต่ NUG ถูกสถาปนาขึ้นในเดือนเมษายน NUG จำเป็นต้องใช้เงินทุนเป็นจำนวนมากสำหรับเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า วงเงินเบื้องต้นที่ The Diplomatคาดการณ์ไว้ขณะนั้น อยู่ที่ 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นอย่างต่ำ
หลังฝ่ายต่อต้านสถาปนา NUGขึ้นมา ได้ประกาศทำสงครามประชาชน พร้อมกับมีการระดมทุนในหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่เป็นการรับบริจาคจากผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร ทั้งที่อยู่ในเมียนมาและต่างประเทศ ตลอดจนการพิมพ์ล๊อตเตอรี่ออกมาขาย
Nikkei Asia เคยรายงานว่า ล็อตเตอรี่ของ NUG ที่ชื่อว่า Victorious Spring ล๊อตแรก ซึ่งเปิดขายในเดือนสิงหาคมได้รับความสนใจอย่างมาก สามารถขายหมดได้ในเวลาอันรวดเร็ว จน NUG คาดหมายว่าจะมีเงินทุนที่ไหลเข้ามาจากช่องทางของล็อตเตอรี่ประมาณเดือนละ 8.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณ 273 ล้านบาท
การระดมเงินเพื่อก่อสงคราม เกิดขึ้นอย่างเปิดเผย ขณะเดียวกันกองกำลังต่อต้านรัฐบาลเมียนมาในนามป้องกันประชาชนหลายกลุ่ม ตลอดจนกลุ่มกองโจรเฉพาะกิจที่ผุดขึ้นในช่วงหลายเดือนหลังรัฐประหาร ได้รุกโจมตีด้วยระเบิดและยิงใส่ทหารและตำรวจ ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น ความรุนแรงส่วนใหญ่เกิดขึ้นตามเส้นทางสัญจร ในภาคกลางและตะวันตกของเมียนมาในเขตซะกายและมาเกว และรัฐชิน เช่นเดียวกับในเมืองย่างกุ้งที่ใหญ่ที่สุด
ตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและหลักสิทธิมนุษยชนที่สำคัญที่สุดคืออนุสัญญาเจนีวาซึ่งควบคุมการดำเนินการของสงคราม
นักวิเคราะห์มานนี หม่อง นักวิจัยของฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวว่า การสนับสนุนของรัฐบาลเงา NUG ในการต่อสู้ด้วยอาวุธจะทำให้การดำเนินการของพวกเขาอยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างละเอียดยิ่งขึ้น “การประกาศนี้บ่งชี้ว่าจะมีการสั่งการและการควบคุมจากส่วนกลาง ซึ่งก่อให้เกิดสัญญาณเตือนเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศที่อาจเกิดขึ้น”
ภาพการวางเพลิง การสังหารเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่เว้นแม้แต่นักธุรกิจที่ไม่ยอมปฏิบัติตามคำขู่ของกองกำลังติดอาวุธฝ่ายรัฐบาลเงา เปิดเผยความจริงว่า ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลสร้างสภาวะสงครามกลางเมืองเพื่อให้รัฐบาลชุดปัจจุบันเป็นรัฐล้มเหลวนั้นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และยังคงดำเนินต่อไป ในขณะด้านการเมืองระหว่างประเทศ สหรัฐและพันธมิตรตะวันตก ยังคงโฆษณาและกดดันอาเซียนให้บีบบังคับเมียนมาให้มากขึ้น ภายใต้กฎระเบียบของประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนแบบที่สหรัฐต้องการ
ล่าสุดรัฐบาลสหรัฐฯได้ส่งเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ เข้าพบรัฐบาลเงาเมื่อวันจันทร์ที่ 25 ต.ค.2564ที่ผ่านมา