หลังจากที่การประชุมร่วมรัฐสภาโหวตลงมติไม่เห็นชอบ ร่างแก้ไขรธน.ฉบับประชาชน ที่มีตัวแทนกลุ่ม Re-Solution จำนวน 4 คน ประกอบด้วย นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า, นายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ ผู้ก่อตั้งกลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า (ConLab), นายณัชปกร นามเมือง จนท.โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) และ น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว แกนนำกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG) เข้ามาชี้แจง พร้อมกับอภิปรายเป็นร่างรธน.รื้อระบอบประยุทธ์ แต่ในที่สุด ร่างรธน.ฉบับดังกล่าว ก็ได้รับการโหวตจากที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่ ไม่รับหลักการ ทำให้ ร่างรธน.รื้อระบอบประยุทธ์ ตามที่กลุ่มกล่าวอ้าง ไม่ได้ไปต่อ
ทั้งนี้ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้า ต่างระดมล่ารายชื่อ เพื่อให้ให้มีการแก้ร่างรธน. มาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังผลักดันล่ารายชื่อแก้มาตรา 112 ผ่านทางเว็บไซต์ด้วย แม้ว่านายปิยบุตร จะออกมาโพสต์ข้อความ ทำนองว่ารู้ดี ว่าร่างรธน.นี้คงไม่ผ่าน แต่อย่างน้อยก็ทำให้สังคมได้เห็นว่าพวกเรามีความพยายาม รวมไปถึงนายธนาธร ที่กล่าวว่า แม้ร่างจะไม่ผ่าน แต่อย่างน้อยก็ได้ปลูกฝังความคิดให้สังคมไทยไปแล้ว เชื่อว่าจะผลักดันต่อไปได้ และจะไม่หยุดเพียงแค่นี้
ขณะที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือไอติม แกนนำกลุ่มรีโซลูชั่น ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ พริษฐ์ วัชรสินธุ – ไอติม – Parit Wacharasindhu ขอบคุณและขอโทษกับประชาชนที่ร่วมลงชื่อเสนอร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมกับชี้แจงเหตุผลของการเสนอร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวว่า เป็นความต้องการสร้างระบบการเมืองที่ “ควร” จะเป็น โดยข้อความระบุว่า
ผมขอใช้พื้นที่นี้ ขอบคุณและขอโทษจากใจจริงอีกครั้ง ต่อประชาชน 135,247 คน ที่ร่วมเดินทางกับเราในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ #รื้อระบอบประยุทธ์ และหลายคนที่ติดตามการอภิปรายและคาดหวังอยากให้ร่างฉบับนี้ผ่าน
ตลอด 16 ชั่วโมงของกระบวนการชี้แจงในรัฐสภา เราพยายามอย่างเต็มที่เพื่อโน้มน้าวให้สมาชิกรัฐสภาเห็นชอบในการนำร่างนี้ไปสู่ประชามติกับคนไทย 60 กว่าล้านคนทั่วประเทศ
โดยประเด็นเรื่องการยื่นแก้ร่างรธน. ที่ไม่ได้รับหลักการนั้น ได้มีทั้งเสียงสนับสนุนพรรคก้าวไกล และกลุ่มผู้ร้องเสนอ แต่ก็มีหลายเสียง ไม่ต้องการสนับสนุนต่อ เพราะหากย้อนไปในช่วงสัปดาห์ก่อน ที่พรรคก้าวไกลต่างเรียกกระแสให้เด็กรุ่นใหม่ รวมทั้งกลุ่ม 3 นิ้ว ลงชื่อแก้มาตรา 112 นั้น ได้มีหลายคนฝากความหวังว่า พรรคก้าวไกล จะสามารถผลักดันเรื่องนี้ได้สำเร็จ และประกาศกร้าวว่า หากทำไม่ได้ ก็ย่อมมีผลต่อการลงคะแนนเลือกตั้งในครั้งหน้าแน่นอน เพราะประชาชนมีสิทธิ์เลือก ว่าพรรคไหนที่ทำตามความประสงค์ของประชาชน ซึ่งนายวิโรจน์ ส.ส. ก้าวไกล ก็เคยออกมายอมรับ ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่น้อยใจกับท่าทีของกลุ่มม็อบ 3 นิ้ว ที่จี้ให้พรรค ต้องผลักดันแก้มาตรา 112 ให้ได้ ยืนยันว่าพร้อมรับฟังเสียงจากพรรคอื่น ๆ ด้วย แต่นั้นก็ทำให้ทางพรรคกดดันไม่น้อย เพราะหากทำไม่ได้ ฐานเสียงของคนรุ่นใหม่อาจจะหายไปเลยก็เป็นได้
และล่าสุดนายวิโรจน์ ส.ส. ก้าวไกล ได้ทวีตข้อความ ระบุถึงประเด็นที่ร่างรธน. ถูกปัดตก ว่า “การเพียรเสนอแก้ รธน. อย่างไม่ลดละ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าต้องถูกขัดขวางจากเครือข่ายอำนาจ ก็เพื่อย้ำ ทำความเข้าใจ และทำงานทางความคิด เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงปัญหาเชิงโครงสร้าง โอกาสในการแก้ปัญหา และความปรารถนาดีในการแก้ปัญหา ในวงที่กว้างขึ้นเรื่อย ๆ”
อย่างไรก็ตาม ได้มีคอมเม้นต์จากประชาชน ให้กำลังใจ และขอให้พรรคก้าวไกลสู้ต่อ แต่อีกมุมหนึ่งก็มีประชาชนเตือนว่า เวลาเสนออะไรแล้วทำไม่ได้ ระวังประชาชนเขาท้อและเบื่อด้วยนะ หากทำได้ เลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนเขาก็รู้เองว่าต้องเลือกใคร ดังนั้นสิ่งที่น่าจับตามองต่อไป คือฐานเสียงก้าวไกล ว่าจะค่อย ๆ หดหาย และมีผลต่อคะแนนเสียงเลือกตั้งหรือไม่ เพราะขนาดนายพิธา หัวหน้าพรรค ยังเปิดเผยว่าจะนำร่างรธน.นี้ ไปใช้เป็นนโยบายหาเสียง แต่ก็รู้ดีว่า การถูกปัดตกในครั้งนี้ ย่อมมีผลต่อกระแสการเมือง และการเลือกตั้งในอนาคตแน่นอน