เปิดวีรกรรม “ผกก.หนุ่ย” กลับมาผงาดรองผู้การฯ แม้เคยถูกสั่งปลด? หรือคือตราบาปปฏิรูปตร.เหลว??

3173

เปิดวีรกรรม “ผกก.หนุ่ย” กลับมาผงาดรองผู้การฯ แม้เคยถูกสั่งปลด? หรือคือตราบาปปฏิรูปตร.เหลว??

จากกรณีที่ เว็บไซต์กองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เผยแพร่คำสั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 3 คำสั่ง เรื่องแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ระดับผู้กำกับการ (ผกก.) ถึง รองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) วาระประจำปี 2564 จำนวน 1,955 ตำแหน่ง โดยมีรายชื่อที่น่าสนใจ คือ พ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย ประจำ บช.ส. หรือ “ผู้กำกับหนุ่ย” อดีตนายตำรวจติดตามน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขยับเป็น รอง ผบก.กชข.

ย้อนไปเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2560 ระหว่างที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ หนีหายล่องหน “ผู้กำกับหนุ่ย” ก็ปฏิเสธรู้เห็นการหายตัวลึกลับ และได้กล่าวกับคนใกล้ชิดว่า …”ไปรออยู่ที่บ้าน แต่กลับไม่พบตัวเช่นกัน ไม่ได้ร่วมเดินทาง หรือไปส่ง แม้กระทั่งพาตัวนายหญิงหลบหนีแต่อย่างใด”

ย้อนไปเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2562 พ.ต.อ.วทัญญู หรือ ผู้กำกับหนุ่ย เคยปรากฎข่าวถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงกรณีปรากฏภาพ ในขณะที่ พ.ต.อ.วทัญญู ได้ติดตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปเชียร์ฟุตบอลโลกที่ประเทศรัสเซีย จากนั้นเจ้าตัวได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งถูกปลดออกจากราชการ ต่อคณะอนุกรรมการ ก.ตร. เช่นกัน ซึ่งการยื่นอุทธรณ์มีระยะเวลาประมาณ 2 ปี ต่อมาก็ได้มีกระแสข่าวลือแพร่สะพัดว่าพ.ต.อ.วทัญญู ถูกต้นสังกัดปลดออกจากราชการแล้ว หลังถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงกรณีปรากฏภาพ พ.ต.อ.วทัญญู ติดตามนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปเชียร์ฟุตบอลโลกที่ประเทศรัสเซีย

คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่มี พ.ต.อ.สุทธิพงศ์ แจ้งอริยวงศ์ รองผบก.อก.บช.ส.เป็นประธาน พบว่าพ.ต.อ.วทัญญู มีการเดินทางออกนอกประเทศ  9 – 10 ครั้ง โดยไม่ขออนุญาตต่อผู้บังคับบัญชา และไม่มีการลาราชการตามระเบียบของทางราชการ ต่อมา พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) จึงได้มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับ พ.ต.อ.วทัญญู โดยมี พ.ต.อ.พิทยา การะเกษ รองผบก.ส.3 เป็นประธาน
โดยผบช.ส. ยืนยันว่ามีตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับ พ.ต.อ.วทัญญู จริง หลังคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตรวจสอบพบว่ามีมูลการกระทำผิดวินัย ส่วนผลการสอบสวนและรายละเอียดต่างๆ แต่ไม่ขอเปิดเผย

สำหรับกรณีนี้ตามขั้นตอนของกฎหมายยังไม่ถือว่าถึงที่สุด พ.ต.อ.วทัญญู สามารถยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อ ก.ตร.ได้ภายในระยะเวลา 30 หากก.ตร.พิจารณาแล้วมีความเห็นยืนตามต้นสังกัด พ.ต.อ.วทัญญู ก็สามารถยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้

สำหรับ พ.ต.อ.วทัญญู หรือ ผกก.หนุ่ย เกิดเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2513 ปัจจุบันอายุ 51 ปี เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ 49  บรรจุครั้งแรกในกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ทำให้ได้มีโอกาสรู้จักกับ พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยนายทักษิณ ชินวัตร สมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขณะนั้น พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ดำรงตำแหน่งในกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กระทั่ง พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ได้โยกมาเป็นผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 3 ทำหน้าที่ดูแลงานรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ และเป็นหัวหน้าทีมอารักขา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทำให้ดึงตัวคนคุ้นเคยกันดีอย่าง ผกก.หนุ่ย เข้ามาเป็นหนึ่งในทีมด้วยเช่นกัน

หลังจากที่รัฐบาลนายทักษิณถูกรัฐประหารเมื่อปี 2549 ผกก.หนุ่ย ในฐานะหัวหน้าชุดคุ้มกันคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ถูกย้ายลงใต้เป็น สวป.สภ.กรงปินัง จ.ยะลา แต่ภายหลัง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.ในขณะนั้น ได้มีคำสั่งขอตัวผกก.หนุ่ย มาช่วยราชการในสำนักงาน รอง ผบ.ตร.

ต่อมาเมื่อพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2551 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ในขณะนั้นจึงได้คำสั่งโยกย้ายผกก.หนุ่ย กลับสันติบาลเป็นสารวัตร สังกัดกองบังคับการตำรวขสันติบาล 1 มีหน้าที่ดูแลพื้นที่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ของคุณหญิงพจมาน และดูแลรักษาความปลอดภัยของคนในตระกูลชินวัตร ถัดมาจึงได้โยกย้ายอีกครั้งให้ไปดำรงตำแหน่ง สว.(ร้อยเอ็ด) กก.2 บก.ส.1 

ต่อมาในปี 2555 พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ผบ.ตร.ขณะนั้น ได้เซ็นแต่งตั้งนอกวาระให้ผกก.หนุ่ย ขยับขึ้นเป็น รอง ผกก. ในตำแหน่งผู้ช่วยนายเวร (สบ.3) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. ซึ่งการแต่งตั้งในครั้งนี้ถือเป็นการแต่งตั้งที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก เพราะเหลือระยะเวลาเพียงแค่เดือนเศษก็จะถึงวาระการแต่งตั้งประจำปี แต่ปรากฏว่า ผกก.หนุ่ย ไม่ได้ทำหน้าที่ผู้ช่วยนายเวรแต่อย่างใด กลับปรากฎตัวในฐานะหัวหน้าทีมอารักขา น.ส.ยิ่งลักษณ์ เช่นเดิม

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ วันที่ 14 มิ.ย. 56 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ขณะนั้น ได้มีคำสั่งแต่งตั้งผกก.หนุ่ยในตำแหน่งผู้ช่วยนายเวร (สบ.4) เทียบเท่าตำแหน่ง ผกก. โดยใช้วิธียกเว้นหลักเกณฑ์ เนื่องจากผกก.หนุ่ย อยู่ในตำแหน่งรอง ผกก.ไม่ครบ 3 ปี

ชื่อของ พ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย เป็นที่ไว้วางใจและเปรียบเสมือนคนในครอบครัวของตระกูลชินวัตร โดยแหล่งข่าวใกล้ชิดระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ทำหนังสือมาถึงสตช.ระบุเฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นผู้กำกับหนุ่ย ทำให้ พล.ต.อ.อดุลย์ เซ็นคำสั่งให้ผู้กำกับหนุ่ยไปช่วยราชการดูแลความปลอดภัย เนื่องจากมีความคุ้นเคยและอารักขาคนในตระกูลชินวัตรมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่สมัยนายทักษิณ ชินวัตร, สมชาย วงศ์สวัสดิ์ จนมาถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

อย่างไรก็ตาม จากคำสั่งล่าสุดที่ออกมานั้น ก็ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมากว่า ผู้กำกับหนุ่ยนั้น ที่ถูกปลดออกจากราชการ กลับขยับขึ้นรองผู้การกลุ่มงานผู้เชี่ยวชาญการข่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ซึ่งทำให้สังคมถามไปที่ประเด็นของการปฏิรูปตำรวจ

โดยทางด้านของนายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ รัฐสภา เปิดเผยว่า กมธ.ฯ ได้มอบหมายให้อนุกมธ.ฯ พิจารณาเนื้อหา จำนวน 3 หมวด คือ หมวด 1 ว่าด้วยการจัดระเบียบราชการข้าราชการตำรวจ ที่วางหลักการให้คำนึงถึงระบบคุณธรรม หมวด 2 ตำแหน่งและการดำรงตำแหน่ง และหมวด 3 ว่าด้วยการบรรจุ การแต่งตั้งและการเลื่อนขั้นเงินเดือน

และยังเปิดเผยว่า กมธ. ชุดใหญ่ ได้พิจารณาต่อในหมวด 4 ว่าด้วยเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และเงินเพิ่มอื่น รวมถึงหมวด 5 การรักษาราชการแทนและปฏิบัติราชการแทน เบื้องต้นในส่วนของหมวด 4 นั้น มีข้อเสนอจากกมธ. ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับเงินเดือน ค่าตอบแทนและเงินเพิ่ม นอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนดเพื่อให้เกิดการปฏิรูปอย่างแท้จริง

พร้อมกับกล่าวว่า ได้มีการกำหนดแผนการทำงาน และจะเสนอให้นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อพิจารณาบรรจุในวาระพิจารณาในการประชุมสภาฯ สมัยหน้า ในเดือนพฤศจิกายน ส่วนตัวมองว่า กมธ.ควรเร่งทำงานให้เสร็จก่อนวันที่ 15 พฤศจิกายน เพื่อนำเสนอให้รัฐสภาพิจารณาวาระ 2