Truthforyou

คุกยาว ๆ! “เพนกวิน” โดนเพิ่มอีก ทำผิด 112 เป็นคดีที่ 22 ปราศรัยม็อบ 17 พ.ย. 63 จาบจ้วงสถาบัน!?

หลังจากเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2564 กรมราชทัณฑ์ได้แจ้งข่าว ระบุว่า มีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องขัง จำนวน 5 คน คือ “ชาติชาย-ฟ้า-ไมค์-ณัฐชนน” และ “เพนกวิน” แต่ต่อมาทนายแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการอายัดตัวเพนกวินส่งขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯต่อไป เพราะยังไต่สวนศาลอีก 1 คดี

ทั้งนี้การที่ “เพนกวิน” ถูกอายัดตัว มาจากคดีความผิดตามมาตรา 112 ที่เจ้าตัวถูกแจ้งไว้ก่อนหน้านี้ โดยมีการสรุปรวมว่า เพนกวิน มีคดี 112 ติดตัวมากที่สุด ในช่วงที่ผ่านมา มากถึง 21 คดี และได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า คดี ม.112 เป็นคดีที่ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี ถ้าหากเพนกวิน ถูกศาลตัดสินโทษทุกคดีทั้งหมดนั้น ระยะเวลาจำคุกน้อยที่สุดคือ 63 ปี (3 ปี ใน 21 คดี) และมากที่สุดคือ 315 ปี (15 ปี ใน 21 คดี)

ล่าสุดมีรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2564 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ พนักงานสอบสวน สน.บางโพ เดินทางเข้าแจ้งข้อกล่าวหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามมาตรา 112 เพิ่มเติมแก่ เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ ในคดีการชุมนุมของกลุ่มราษฏร ที่หน้ารัฐสภาเกียกกาย เพื่อติดตามการลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่ยื่นต่อสภา เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2563 หรือ #ม็อบ17พฤศจิกา

คดีนี้นายพริษฐ์เคยเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้วในวันที่ 18 ธ.ค. 2563 และถูกกล่าวหาใน 3 ข้อหา ได้แก่ ไม่แจ้งการชุมนุม ตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฯ, ยุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และ “มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไป ใช้กําลังประทุษร้าย ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215

โดยทางด้านพ.ต.ท.ชาญชาตรี สีดาคำ รองผู้กำกับสอบสวน สน.บางโพ ได้เข้าแจ้งข้อหาเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แก่ เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ โดยมีทนายความเดินทางไปร่วมการสอบสวน คดีนี้ระบุว่ามีประชาชนชื่อ นายประดิษฐ์ ต้นจาน เข้าแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้เพิ่มเติม

บันทึกแจ้งข้อหาเพิ่มเติมเป็นการถอดเทปคำปราศรัยของพริษฐ์ เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2564 จากนั้นพนักงานสอบสวนได้ระบุ 7 ประโยค ซึ่งถูกกล่าวหา ประกอบด้วย

1. แค่มันเอาปราสาทมาครอบสภา นั่นคือ การที่ศักดินาเอาพระบาทไปเหยียบหัวประชาชน และจะไม่มีวันอีกต่อไป จะไม่มีอีกต่อไป ที่เราจะกลายเป็นฝุ่นใต้ตีน ให้เค้าเหยียบ ให้เค้าย่ำ ให้เขาขยี้ ให้เค้าเอาน้ำมาฉีด เอาแก๊สมายิงใส่ ให้ลิ่วล้อมาทําร้ายร่างกายจะไม่มีอีกต่อไป

2. ผมขึ้นมาเป็นตัวแทน ของคณะผู้จัด ในการที่จะประกาศยุติการชุมนุม เพื่อเก็บแรงไปราชประสงค์วันพรุ่งนี้

3. จะไม่มีคำว่าแผ่ว จะไม่มีคําว่าเบา นั่นคือการปล่อยโฆษณาชวนเชื่อ ของฝ่ายความมั่นคง ในการทำให้เราเสียกำลังใจ

4. วันพรุ่งนี้เปิดศักราชแรก เปิดวันแรกของการต่อสู้ ราชประสงค์ วันนี้มันฉีดน้ำใส่เราอย่างไร พรุ่งนี้พี่น้องกระป๋องสีคนละกระป๋องไปที่ราชประสงค์ เราจะเดินไป สตช.

5. กระป๋องสี คนละกระป๋อง ผมขอพี่น้องแค่นี้พี่ต้องเตรียมมาได้หรือไม่

6. วันพรุ่งนี้เราจะฉีดสีใส่ ใส่ทุกอย่าง ของสถานี ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระป๋องสีคนละกระป๋อง เราจะทวงความเป็นธรรม ขอให้พี่น้องทุกท่าน พบกันพรุ่งนี้สี่โมงตรงโดยพร้อมเพรียง
7. พรุ่งนี้ไปล้างแค้น ไปล้างแค้นจดจําความเจ็บ ความโกรธ ความแสบ เหงื่อทุกหยาด เลือดทุกหยด พรุ่งนี้ไปล่อกัน ราชประสงค์

 

พนักงานสอบสวนกล่าวหาว่า การปราศรัยของพริษฐ์ ในข้อ 1 เป็นคำปราศรัยที่ประชาชนคนทั่วไป ได้รับฟังแล้วอาจเข้าใจได้ว่าเป็นการกล่าวถ้อยคำในลักษณะที่เป็นการจาบจ้วง ล่วงละเมิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ มีการใช้ข้อความบิดเบือนใส่ร้ายพระมหากษัตริย์ โดยเปรียบเทียบยอดปราสาทบนอาคารรัฐสภา เสมือนเป็น “พระบาท” ซึ่งมีความหมายว่าเอาเท้าเหยียบหัวประชาชน เป็นข้อความที่มีลักษณะเป็นการสร้างความเกลียดชัง อันเป็นการทำให้พระมหากษัตริย์เสื่อมเสียพระเกียรติ ชื่อเสียง ทรงถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชัง โดยเจตนาจะทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา ไม่เคารพสักการะ อันเป็นความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

ส่วนในข้อ 2 ถึง 7 มีลักษณะเป็นการทําให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา อันมิใช่เป็นการกระทําในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนญ หรือเพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน โดยการกล่าวถ้อยคําอันมีลักษณะเป็นการยุยงปลุกปั่น เพื่อให้ประชาชน เตรียมการเพื่อเข้าร่วมชุมนุมต่อไป ในวันที่ 18 พ.ย. 2563 ที่แยกราชประสงค์ เพื่อเดินเท้าไปที่สำนักงานตํารวจแห่งชาติ พร้อมทั้งมีการประกาศให้ประชาชนเตรียมสีคนละกระป๋องเพื่อไปสาดใส่สํานักงานตํารวจแห่งชาติ มีการใช้คำพูดปลุกปั่น โดยมีเจตนาเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน โดยประสงค์ต่อผลที่จะทําให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร

นายพริษฐ์ให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหาและไม่ได้ลงลายมือชื่อในบันทึกแจ้งข้อกล่าวหา โดยระบุจะให้การเพิ่มเติมในภายหลัง สำหรับการชุมนุมหน้ารัฐสภา บริเวณแยกเกียกกาย เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 63 มีขึ้นเพื่อติดตามการพิจารณาลงมติรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 7 ฉบับ รวมถึงร่างฉบับประชาชนที่มีประชาชน 100,732 ราย ร่วมกันเข้าชื่อเสนอร่าง เจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชนได้ฉีดน้ำแรงดันสูงผสมสารเคมีที่มีฤทธิ์ก่อให้เกิดความระคายเคือง รวมทั้งมีการใช้แก๊สน้ำตา เข้าสลายการชุมนุมของประชาชน จนมีผู้ชุมนุมตลอดประชาชนที่เดินทางผ่านได้รับบาดเจ็บหลายราย อีกทั้งระหว่างการชุมนุมยังมีการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มไทยภักดี ที่นัดหมายชุมนุมในพื้นที่เดียวกัน จนเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมสองฝ่าย

อย่างไรก็ตามการถูกแจ้งข้อหามาตรา 112 เพิ่มเติมในคดีนี้ของพริษฐ์ ทำให้เขาถูกกล่าวหาด้วยข้อหานี้เป็นคดีที่ 22 แล้ว นับได้ว่ามากที่สุดเท่าที่ทราบข้อมูล

Exit mobile version