ปูตินเปิดโปงสหรัฐ!?ใช้ยูเครนยั่วยุคุกคามรัสเซีย จะพบจุดจบล่มสลายเพราะตัวเอง

1438

เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ เตือนข้อตกลงที่เพิ่งประกาศใหม่ ซึ่งอาจทำให้วอชิงตันสามารถจัดหาอาวุธร้ายแรงให้กับยูเครน อาจจุดไฟให้เกิดความขัดแย้งถึงขั้นนองเลือด ระหว่างประชาชนสองประเทศ และทำให้ข้อตกลงสันติภาพที่ยั่งยืนไร้ความหมาย ขณะที่ปธน.ปูตินแห่งรัสเซียเตือนสหรัฐว่าจะพบจุดจบเพราะทำลายตัวเองผ่านการยั่วยุทางการเมืองการทหารต่อเครมลินอย่างไม่ลืมหูลืมตา

วันที่ 11 พ.ย.2564 สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และสปุตนิค ได้รายงานว่าอนาโตลี แอนโทนอฟ (Anatoly  Antonov) เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ กล่าวเตือนถึงสหรัฐว่า ‘เอกสารความร่วมมือเชิงกลยุทธ์’ ที่ลงนามโดยนักการทูตอเมริกันและยูเครนเป็น”สัญญาที่เป็นอันตราย และในเกือบทุกบรรทัดมีเครื่องมือทางภูมิรัฐศาสตร์เพื่อการต่อต้านรัสเซียอย่างโจ่งแจ้ง แผนการที่จะจัดหาอาวุธให้กับรัฐบาลยูเครนจะทำให้สถานการณ์ในยูเครนตะวันออกเฉียงใต้แย่ลง นั่นหมายถึงอเมริกาไม่ได้สนับสนุนให้เคียฟยุติสงครามเลย”

สนธิสัญญาซึ่งลงนามโดย แอนโทนี บลิงเคน(Antony Blinken) รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และดมิททรี คูเลบา(Dmitry Kuleba) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยูเครน เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เท่ากับวอชิงตันเปิดเผยนโยบายของตน ในการยอมรับการอ้างสิทธิ์ในดินแดนของเคียฟเหนือคาบสมุทรไครเมียที่มีข้อพิพาท และประกาศความตั้งใจที่จะ“กระชับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐและยูเครนในทุกๆด้าน”

นอกจากนี้ ข้อความในข้อตกลงยังระบุว่า ทั้งสองประเทศจะใช้“มาตรการสำคัญหลายอย่างเพื่อป้องกันการรุกรานจากภายนอกและทางอ้อมต่อยูเครน”ในขณะเดียวกันก็ให้ปัดให้รัสเซียรับผิดชอบต่อความขัดแย้งทางอาวุธในดอนบาส ซึ่งมอสโกปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นฝ่ายยั่วยุให้เกิดความตึงเครียดในภูมิภาคแต่ยูเครนเป็นฝ่ายปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงมินสค์ซึ่งเป็นสนธิสัญญาสันติภาพของสองดินแดน

ถ้อยคำในสัญญาดังกล่าวยังเน้นไปที่แนวคิดการเป็นหุ้นส่วนระหว่างสองประเทศนั้น“ตั้งอยู่บนค่านิยมประชาธิปไตยร่วมกัน การเคารพสิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรม” แต่พฤติกรรมของรัฐบาลเคียฟแห่งยูเครน ทำตรงข้ามโดยปราบปรามฝ่ายค้านและส่งเสริมแนวคิดนาซีนิยมเพื่อปะทะที่ชายแดนอย่างชัดเจน

กรุงเคียฟถูกประณามจากองค์การสหประชาชาติในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากปิดสื่อเพื่อการปราบปรามช่องภาษารัสเซียยอดนิยมหลายช่องที่ออกอากาศภายในประเทศ โดยไม่มีกระบวนการยุติธรรม UNกล่าวว่า”การตัดสินใจเหล่านี้ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลว่าด้วยสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก” 

ด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เปิดเผยว่าสหรัฐฯ ได้ส่งอาวุธร้ายแรงมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ไปยังยูเครน ซึ่งได้ทำสงครามกับประชากรที่สนับสนุนรัสเซียในยูเครนตะวันออกเฉียงใต้มาตลอด 7 ปี

น่าแปลกที่เคียฟและผู้อุปถัมภ์สหรัฐฯ กล่าวหารัสเซียว่าคุกคามยูเครนด้วยการบุกรุก ที่พลิกความเป็นจริงกลับหัวกลับหาง รัสเซียกำลังถูกคุกคามอย่างเปิดเผยโดยสหรัฐอเมริกาและนาโต้ที่ใช้ยูเครนเป็นหัวหอก ดูเหมือนว่าจะเป็นเป้าหมายเชิงกลยุทธ์นับตั้งแต่สหรัฐฯ สนับสนุนการทำรัฐประหารในปี 2014 ในเคียฟ ที่นำระบอบการปกครองที่ต่อต้านรัสเซียซึ่งเชิดชูบรรพบุรุษของนาซีขึ้นสู่อำนาจ

การเพิ่มกำลังทหารของยูเครนและทะเลดำกำลังถึงจุดวาบไฟที่อันตราย จุดประกายความเข้าใจผิดจุดหนึ่งอาจจุดชนวนให้เกิดสงครามระหว่างมหาอำนาจติดอาวุธนิวเคลียร์ได้ทุกขณะ

ขณะที่ปธน.วลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียเตือนสหรัฐและตะวันตกอย่างต่อเนื่อง ว่าทุนนิยมหมดแรงแล้ว? แบบจำลองเศรษฐกิจที่มีอยู่ของโลกกำลังก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำในระดับโลก และจะนำไปสู่ความขัดแย้งหลายระดับ ล่าสุดส่งคำเตือนอีกครั้งถึงสหรัฐและตะวันตกในงาน การประชุมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงและหัวหน้าองค์กรอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศในบ้านพักโบชารอฟ รัชเช( Bocharov Ruchei) ในรีสอร์ททะเลดำของโซซี ประเทศรัสเซีย เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า สหรัฐและตะวันตกทำลายตัวเองด้วยนโยบายการเมืองและการทหารที่ไม่สอดคล้องความจริง และการกระทำของตะวันตก ทำให้รัสเซียต้องเสริมสร้างการป้องกันทางอากาศของประเทศ ท่ามกลางกิจกรรมทางทหารของ NATO ใกล้พรมแดนรัสเซีย

ปูตินระบุอย่างเจาะจงถึงการติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธที่นำโดยสหรัฐฯและ NATO ในยุโรปตะวันออก และภารกิจที่บ่อยครั้งขึ้นเรื่อยๆ โดยเรือของ NATO ใกล้น่านน้ำรัสเซียในทะเลบอลติกและทะเลดำ ได้สร้างความตึงเครียดระหว่างมอสโกและสหรัฐกับพันธมิตรตะวันตก ทำให้ความสัมพันธ์จมดิ่งสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่หลังสงครามเย็น ทั้งเตือนเข้มว่ามอสโกวพร้อมที่จะโจมตีกองเรือที่บุกรุกในทันที หากพวกเขาไม่ใส่ใจคำเตือน !