“ส.ส.ก้าวไกล” รีบขยับ มีเอี่ยวสนับสนุนม็อบ โดนยื่นยุบพรรค แต่ยังซ่าไม่เลิก เหน็บศาลฯลั่นโซเชียล

1739

รีบดิ้นกันเป็นแถว! “ส.ส.ก้าวไกล” รีบขยับ มีเอี่ยวสนับสนุนม็อบ โดนยื่นยุบพรรค แต่ยังซ่าไม่เลิก เหน็บศาลฯ สมบูรณาญาสิทธิราชย์!

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 พ.ย.64 หลังจากที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้วินิจฉัยว่า 10 ข้อเรียกร้อง โดยให้ยกเลิกมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญที่ว่าผู้ใดจะกล่าวหาฟ้องร้องกษัตริย์มิได้ ให้สภาผู้แทนราษฎรสามารถพิจารณาความผิดของกษัตริย์ได้

ซึ่งศาลได้วินิจฉัยว่า ข้อเรียกร้องดังกล่าวมีเจตนาที่จะทำลายล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ซัดกร่อนสถาบันฯ เป็นวิถีที่ไม่ถูกต้อง ใช้คำหยาบคาย ซึ่งมีเจตนาเดียวกันทั้งขบวนการ มีการกระทำซ้ำต่อเนื่อง ใช้ข้อมูลอันเป็นเท็จทำเป็นขบวนการ

ต่อมาทางด้านของ นายณฐพร โตประยูร ก็ได้เคลื่อนไหวในทันที โดยรอบนี้มุ่งเป้าไปที่พรรคการเมือง โดยกล่าวว่า ข้อเสนอการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของฝ่ายการเมือง ยืนยันว่า จากคำวินิจฉัยจะทำให้คำร้องเอาผิดและยุบพรรคก้าวไกลดำเนินการได้ หลังตนได้ยื่นคำร้องกับ กกต.ไว้ตาม มาตรา 92

เชื่อว่า กกต.จะขอคัดถ่ายสำเนาคำวินิจฉัย ไปดำเนินการเนื่องจากพรรคการเมือง และส.ส.ของพรรคดังกล่าวให้การสนับสนุนทางการเงิน และการประกันตัวผู้ต้องหา รวมถึงอ้างว่ามีการไปร่วมชุมนุม ถือเป็นความผิด เชื่อมั่นว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้จะเป็นสารตั้งต้นในการฟ้องร้องเอาผิดต่อผู้กระทำการละเมิดต่อสถาบัน

ทำให้ทางด้านของ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ในทำนองดักคอว่ามีคน พยายามใช้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 10 พ.ย.64 โยงว่าพรรคก้าวไกล มีความผิดฐานล้มล้าง

มีคนกำลังยื่นยุบพรรคก้าวไกล จากการยื่นร่าง ‘แก้ไข112’ โดยอ้างว่าเป็นการ ‘ล้มล้าง’ การปกครอง โดย อ้างคำตัดสินศาลรธน.วันนี้
#ปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้าง
#แก้ไขไม่เท่ากับล้มล้าง
#ยกเลิกไม่เท่ากับล้มล้าง
หยุดบัญญัติศัพท์ใหม่ในพจนานุกรมไทย

ต่อมาทางด้านของ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ชื่อ @ongpadipat เพียงสั้นๆว่า “สมบูรณาญาสิทธิราชย์” ชัดยัง พร้อมกับแชร์ข้อความของผู้สื่อข่าว Workpoint ว่า “เห็นได้ว่าประวัติศาสตร์การปกครองของไทยนี้ อำนาจการปกครองเป็นของพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด” – ศาล รัฐธรรมนูญ (10 พ.ย. 64)

ถึงอย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ที่สนับยสนุนการชุมนุม มักจะพูดอยู่เสมอ พร้อมกับติดแฮทแทค ว่า “ปฏิรูป ไม่เท่ากับล้มล้าง” แต่ซึ่งหากว่าย้อนกลับไปดูบนเวทีเมื่อวันที่ 10 ส.ค.63 แล้วยิ่งชัดเจนเข้าไปใหญ่ว่าคำพูดเหล่านั้นกำลังบิดเบือน เพราะบนเวทีเขียนไว้ชัดเจนว่า “ไม่ต้องการปฏิรูป แต่เราต้องการ ปฏิวัติ” ซึ่งก็ชัดเจนที่สุดแล้ว