จีนซัดมะกันแส่อีก!?ส่งกองลาดตระเวนช่องแคบไต้หวัน เขย่าขวัญคณะสส.มะกันเยือนไทเป

1471

กองทัพจีนส่งกองเรือและอากาศยานลาดตระเวนเตรียมพร้อมรบในช่องแคบไต้หวัน ต้อนรับคณะผู้แทนสภาคองเกรสสหรัฐเยือนไทเปแบบไม่แจ้งกำหนดการ โดยส.ส. และ ส.ว.สหรัฐฯจำนวนหนึ่ง เดินทางเยือนไต้หวันด้วยเครื่องบินทหาร หลังจีนประกาศแบนและใช้กฎหมายลงโทษคนที่คิดแบ่งแยกดินแดนและผู้สนับสนุน โฆษกองทัพเรือจีนกล่าวว่าการเยือนดังกล่าวเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างหยาบคาย

เมื่อวันที่ 9 พ.ย.2564 สำนักข่าวโฟกัสไต้หวัน (Focus Taiwan) รายงานว่า ส.ส. และ ส.ว.สหรัฐฯ กลุ่มหนึ่ง เดินทางด้วยเครื่องบินทหาร C-40 ถึงท่าอากาศยานซงชาน ในไต้หวัน  โดยนางโจแอน อู่ (Joanne Ou) โฆษก กระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน ยืนยันการเยือนดังกล่าว ระบุว่าเป็นการจัดการของสถาบันอเมริกันในไต้หวัน (American Institute in Taiwan ที่มีบทบาทเป็นเสมือน สถานทูตสหรัฐฯ/ไต้หวัน) แต่สถาบันดังกล่าวปฏิเสธไม่เปิดเผยรายละเอียดของการเยือน ตามคำร้องขอของทางการสหรัฐฯ

ชิ ยี่(Shi Yi) โฆษกกองบัญชาการกองกำลังตะวันออกของจีน แถลงว่า หลังจากที่คณะผู้แทนสหรัฐฯ เดินทางถึงไทเปด้วยเครื่องบินของกองทัพสหรัฐฯ กองทัพฯได้ทำการฝึกซ้อมเพื่อตอบสนองต่อ“คำพูดและการกระทำที่ผิดอย่างร้ายแรงของประเทศที่เกี่ยวข้อง” ในประเด็นไต้หวัน

ขณะเดียวกัน ถาน เค่อเฟย โฆษกกองทัพจีนได้แถลงประณามการเยือนไต้หวันของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเช่นกัน เขาเรียกร้องให้วอชิงตันหยุดการยั่วยุในทันที ว่าเป็นการกระทำที่ทำลายล้างความสัมพันธ์และเพิ่มความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวัน

โฆษกย้ำว่า “กองทัพปลดแอกประชาชนจีนจะรักษาสภาวะตื่นตัวอยู่เสมอ และใช้มาตรการที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อทำลายการแทรกแซงจากกองกำลังภายนอกและแผนการแบ่งแยกดินแดนเพื่อ ‘เอกราชของไต้หวัน'”

การเคลื่อนไหวของสหรัฐเกิดขึ้นหลังจากทางการจีนประกาศแบน บุคคลและองค์กรที่สนับสนุนการแยกตัวของไต้หวันและกำหนดโทษอาญาตลอดชีวิต

จู เฟิงเหลียน โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของจีน กล่าวว่าปักกิ่งได้จัดทำบัญชีดำรายชื่อบุคคลที่สนับสนุนเอกราชไต้หวันอย่างดื้อรั้น และกำหนดบททางอาญาตลอดชีวิต ภายใต้กฎหมาย รวมถึงการห้ามไม่ให้พวกเขาและครอบครัวเข้าสู่จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกงและมาเก๊า

 

ด้านสำนักข่าวโกลบัลไทมส์ ได้รายงานเกี่ยวกับการเยือนคณะสส.ของสหรัฐยังไต้หวันว่า เป็นการมาเยือนอย่างกะทันหันและลับๆ ล่อๆ โดยไม่มีการประกาศล่วงหน้าซึ่งไม่ใช่สไตล์ของสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ดูเหมือนว่าวุฒิสมาชิกและสมาชิกสภาคองเกรสเหล่านี้อยู่ภายใต้แรงกดดัน ในเวลานี้ สหรัฐฯ จะต้องแสดงการสนับสนุนของตนต่อกลุ่มพรรค DPP และกองกำลังหัวรุนแรงบนเกาะนี้  ที่ประกาศนโยบายแยกตัวเป็นเอกราช สมาชิกของรัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐต้องเข้าไปยุ่ง มิฉะนั้นพวกเขาจะรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างยิ่ง

บทบรรณาธิการชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในตอนนี้กำลังยุ่งเหยิง และห่วงโซ่อุปทานที่กำลังขาดแคลน ได้ขัดขวางการดำรงชีวิตปกติสุขของคนอเมริกัน คะแนนนิยมของประธานาธิบดีโจ ไบเดนยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง และเขาต้องการการสนับสนุนจากจีนจริงๆ เพื่อบรรลุความสำเร็จทางการเมืองบางอย่าง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับฝ่ายบริหารของปธน.ไบเดนที่จะเพิ่มเดิมพันที่จะงัดข้อกับจีน การแสดงของสภาคองเกรสสหรัฐฯที่ส่งสส.มาเยือนไต้หวัน จึงไร้ความหมายในการกดดันใดๆต่อจีน

นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวในสหรัฐฯที่งาน Aspen Security Forum ครั้งที่ 12 ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา

ดร.อึ้ง เอ็ง เฮนรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสิงคโปร์กล่าวบนเวทีปาฐกถาว่า “สหรัฐฯควร “อยู่ให้ไกลที่สุด” จากการเผชิญหน้าทางกายภาพกับจีนเหนือไต้หวันเพราะ “การคำนวณผิดพลาดอาจเกิดขึ้นได้”

ดร.อึ้งแสดงความคิดเห็นเหล่านั้นในการกล่าวปาฐกถาพิเศษเกี่ยวกับมุมมองของสิงคโปร์ต่อสหรัฐฯ และจีน เขากล่าวว่า สิงคโปร์และประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับประโยชน์จากอิทธิพลของทั้งสหรัฐฯ และจีน โดยเน้นว่าสหรัฐฯ ได้ให้สถานะด้านความมั่นคงที่มีเสถียรภาพ ในขณะที่จีนได้ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชีย

เขากล่าวย้ำว่า“สำหรับสิงคโปร์และกลุ่มประเทศอาเซียน นายกรัฐมนตรีของฉันได้กล่าวว่าไม่มีประเทศใดที่ต้องการเลือกระหว่างสหรัฐฯ และจีน”