จับสัญญาณ “บิ๊กตู่” โต้คารมเดือด เผยไต๋ชัดเจน มีกลุ่มป่วนในสภา หวังโค่นล้มรัฐบาล

1439

คลื่นใต้น้ำลูกใหม่! จับสัญญาณ “บิ๊กตู่” โต้คารมเดือด เผยไต๋ชัดเจน มีกลุ่มป่วนในสภา หวังโค่นล้มรัฐบาล!?

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทางด้านของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังผู้สื่อข่าวถามว่า สบายใจขึ้นบ้างหรือไม่กับเรื่องในสภาหลังจากได้นายนิโรธมาเป็นประธานวิปรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า

“ถ้าถามว่าสบายใจหรือไม่ อย่าลืมว่าผมควบคุมอะไรในสภาไม่ได้ ผมควบคุมเองไม่ได้ และไม่ได้เป็นคนคุม และบอกมาตลอดว่าเป็นเรื่องของวิป ทางวิปฝ่ายรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง เรื่องไหนสำคัญ เรื่องไหนจำเป็นต้องออก อันไหนที่เป็นกฎหมายที่จะเพิ่มขีดความสามารถทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจและสังคม สิ่งแวดล้อม หรือการศึกษา รวมทั้งการปฏิรูปต่างๆ เหล่านี้มันต้องออก ไม่ใช่จะบอกว่าไม่ออกเพื่อให้รัฐบาลล้ม ผมว่าใจร้ายเกินไป ใจร้ายกับประเทศเกินไปผมว่านะ”

เมื่อถามว่านายกฯได้เช็กความเคลื่อนไหวแล้วใช่หรือไม่ว่าไม่มีความพยายามที่จะสร้างความปั่นป่วนในสภาจนกระทบต่อกฎหมายสำคัญของรัฐบาลใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ไม่ทราบเหมือนกัน ก็เป็นเรื่องของพรรคและหัวหน้าพรรคที่จะว่ากันมา สำหรับตนอะไรก็ได้ เพราะตนทำงานให้กับประชาชนทุกคนอยู่แล้ว”

ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว คนที่สามารถทำให้สภาล้ม หรือ ล้มรัฐบาลได้นั้น ก็จะมีเพียงแค่ พรรคพลังประชารัฐเท่านั้น เพราะ ตามระบบรัฐสภาแล้วฝ่ายค้านต้องทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล แม้ว่ารัฐบาลจะมีเสียงที่มากกว่า แต่หากว่า พรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลไปไม่ไหว พรรคร่วมก็ถอนตัวเข้าฝั่งฝ่ายค้าน รัฐบาลก็ล้ม เพียงเท่านั้น

แต่รัฐสภาไทย ในขณะนี้แบ่งล็อคแล้ว พรรคที่มีโอกาสจะถอนตัวไปร่วมกับฝ่ายค้านได้เห็นทีก็จะมีแค่เพียงพรรคภูมิใจไทย แต่ก็ไม่รู้อีกว่า พรรคเพื่อไทย จะยอมรับหรือไม่ ส่วนประชาธิปัติก็ชัดเจนว่าไม่มีทางเข้าร่วมอย่างแน่นอน จากแนวทางของพรรค

เพราะฉะนั้นคนที่ พล.อ.ประยุทธ์ บ่นถึงก็มีความเป็นได้ว่าจะเป็น พรรคพลังประชารัฐ เอง ซึ่งก็เคยมีข่าวโค่นล้มมาแล้ว ในครั้งอภิปรายไม่ไว้วางใจ 4 กันยา ที่ผ่านมา จนกลายเป็นกระแส กบฏพลังประชารัฐ และส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งปลด ขาใหญ่พรรค อย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จากตำแหน่งรัฐมนตรีมาแล้ว

ดังนั้นสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ควรต้องระวัง ไม่ใช่การมาร้องขอความเห็นใจกับพรรคร่วมผ่านสื่อ แต่ควรจัดการและควบคุม พรรคพลังประชารัฐ ให้ได้นั่นเอง