เปิดประเทศฉลุย!!อุตฯการผลิต-การท่องเที่ยว ดันดัชนีเชื่อมั่นฯต.ค.สูงสุดรอบ 5 ด.

1145

หลังบรรยากาศเปิดประเทศเป็นไปอย่างคึกคัก ได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยเดินทางเข้าประเทศไทย ทางส.อ.ท.ได้เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมได้อานิสงส์สูงสุดในรอบ 5 เดือน ขณะที่ดัชนีฯ เพิ่มสูงจากปัจจัยหลักรัฐบาลคลายล็อกดาวน์ เดินหน้าเปิดประเทศ 1 พ.ย.รับท่องเที่ยวต่างชาติ ตามมาตรการกระตุ้น ศก.รัฐ แต่ยังกังวลสถานการณ์ราคาน้ำมัน การเมืองในประเทศ และอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น แนะรัฐบาลเร่งแก้ไขราคาพลังงานรับมือความผันผวน ขณะที่ทางด้านการท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่ดี โดยเฉพาะการท่องเที่ยวภายในประเทศ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า โค้งสุดท้ายคนไทยเที่ยวกระหน่ำหนุนเศรษฐกิจฟื้น

วันที่ 8 พ.ย.2564 นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคม 2564 อยู่ที่ระดับ 82.1 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 79.0 ในเดือนกันยายน 2564 โดยค่าดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในทุกขนาดอุตสาหกรรมและทุกภูมิภาคและสูงสุดในรอบ 5 เดือน ขณะที่ดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 95.0 จากระดับ 93.0 ในเดือนกันยายน 2564 ซึ่งเป็นค่าดัชนีฯ ที่ปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 19 เดือน โดยผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นว่าการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 แบบค่อยเป็นค่อยไป รวมทั้งนโยบายเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 รับการท่องเที่ยวจากต่างชาติ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2564 ขณะที่ภาคการส่งออกยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ตามทิศทางเศรษฐกิจและการค้าโลก

นายสุพันธุ์กล่าว “ดัชนีเชื่อมั่นฯ ต.ค.ที่ปรับขึ้นเกือบทุกรายการ ทั้งยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ ยกเว้นต้นทุนประกอบการ เพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีทิศทางดีขึ้นจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลง ขณะที่จำนวนผู้ได้รับวัคซีนมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาครัฐผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ต่อเนื่องทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว ขณะที่อุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศขยายตัวต่อเนื่องทั้งสินค้าคงทน เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ฯ เครื่องจักรกลและโลหการ เป็นต้น รวมถึงสินค้าไม่คงทนประเภทอาหารและยา นอกจากนี้ เริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าเพื่อใช้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ในกลุ่มสินค้าอาหารและสินค้าแฟชั่น ส่งผลให้ดัชนีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น ขณะที่มาตรการภาครัฐยังช่วยพยุงกำลังซื้อในประเทศ” 

อย่างไรก็ตาม ค่าดัชนีฯ อยู่ในระดับต่ำกว่า 100 สะท้อนว่าความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมยังอยู่ในระดับที่ไม่เสถียรนัก ทั้งนี้ ผู้ประกอบการยังมีความกังวลเกี่ยวกับราคาวัตถุดิบและราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้กระทบต้นทุนการผลิตและค่าขนส่ง ขณะที่ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้นำเข้า รวมทั้งปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และอัตราค่าระวางเรือสูงยังเป็นปัจจัยกดดันผู้ส่งออก

 

นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ ราคาน้ำมัน ร้อยละ 70.3, สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ร้อยละ 54.8 และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ร้อยละ 47.5 ส่วนปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลลดลง ได้แก่ สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ร้อยละ 60.2, เศรษฐกิจในประเทศ ร้อยละ 62.1, สภาวะเศรษฐกิจโลก ร้อยละ 48.5 และอัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐร้อยละ 32.8 ตามลำดับ

ทางสอท.มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐดังนี้ 

  1. เร่งรัดการฉีดวัคซีนที่มีคุณภาพให้แก่ประชาชนตามเกณฑ์ขั้นต่ำเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ โดยเฉพาะจังหวัดที่เปิดรับนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ 
  2. ภาครัฐควรมีแผนรองรับการเปิดประเทศ และมาตรการด้านสาธารณสุขที่ชัดเจน เพื่อให้การเปิดประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมทั้งควรมีการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนรับทราบเพื่อสร้างความเข้าใจ
  3. เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมทั้งผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายใต้มาตรการควบคุมโรคเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ
  4. ขอให้ภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหาราคาพลังงาน ราคาวัตถุดิบ และค่าขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อต้นทุนประกอบการภาคอุตสาหกรรม

 

ขณะเดียวกันทางศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้เปิดเผยรายงานผลการศึกษาเรื่องการท่องเที่ยวหลังการเปิดประเทศ โดยระบุว่า หลังจากที่ทางการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโควิดและการเดินทางข้ามจังหวัด การฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมประชากรมากขึ้น รวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ทำให้คนไทยเริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น จากผลสำรวจความต้องการท่องเที่ยวในประเทศ สะท้อนว่า กว่า 73.7% ของกลุ่มตัวอย่างคนกรุงเทพฯ ต้องการเดินทางท่องเที่ยวมากถึงมากที่สุด ทำให้ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2564 นี้ คนไทยน่าจะเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้นและต่อเนื่องไปยังปีหน้า โดยเบื้องต้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า หากไม่มีการระบาดหนักอีก ตลาดไทยเที่ยวไทยในปี 2565 น่าจะมีจำนวนประมาณ 109-155 ล้านคน-ครั้ง ฟื้นตัวจากปี 2564 ที่ราว 66.71 ล้านคน-ครั้ง

สำหรับปัจจัยด้านราคาน้ำมันยังมีผลน้อยต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปีนี้ ส่วนหนึ่งมาจากคนที่ต้องการท่องเที่ยวในช่วงนี้ เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ ขณะที่การเดินทางท่องเที่ยวเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1.3 ทริป รวมถึงในช่วงนี้นักท่องเที่ยวยังได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐอีกด้วย